HIGHLIGHT CONTENT

การจากไปของ กู๊ส ผลพวงสู่ปมดราม่าสุดเข้มใน Top Gun: Maverick

  • 1,755
  • 11 พฤษภาคม 2022

 

 

การจากไปของ กู๊ส ผลพวงสู่ปมดราม่าสุดเข้มใน Top Gun: Maverick

 

มาเวอริคที่เราพบใน Top Gun: Maverick ยังคงเป็นคนที่คุณจำได้จากภาพยนตร์ต้นฉบับอย่างชัดเจน แต่เขาก็ยังมีความก้าวหน้าอย่างมากจากตอนที่เราได้เห็นเขาครั้งสุดท้าย “ในตอนจบของหนังภาคแรก ไอซ์แมน ตัวละครของ วาลพูดกับมาเวอริคว่า 'นายสามารถเป็นนักบินสนับสนุนของฉันได้ทุกเมื่อ” ครูซกล่าว “ผมและแม็คคิวพูดเสมอว่าสำหรับหนังเรื่องนี้ 'เขายังคงต้องเป็นมาเวอริค แต่เขาก็จะต้องต้องได้เรียนรู้บางอย่างจากภาคแรกด้วย ในตอนท้ายของหนังเรื่องแรก เขา [กลายเป็น] คนที่ห่วงใยคนอื่น ที่ตระหนักถึงคนอื่นมากขึ้น และตระหนักถึงการเป็นนักบินสนับสนุนด้วย' แต่บางครั้งแม้ในตอนต้นของหนังเรื่องนี้ เขาก็ยังคง 'อีกแค่นิดเดียว...' นั่นล่ะเขา! นั่นคือมาเวอริคครับ” ครูซหัวเราะ “ช่วยไม่ได้นี่ครับ ในหนังเรื่องนี้ เขายังคงเป็นเขา แต่เขาก็มีชีวิตของตัวเองเหมือนกัน มาเวอริคอยู่ตามลำพังในช่วงเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้ และเขาอยู่ตามลำพังก็เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Top Gun ภาคแรก”

 

 

แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ภาคแรกนั้นคืออุบัติเหตุจากการฝึกฝน ที่คร่าชีวิตหนึ่งในตัวละครที่เป็นที่รักที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ นั่นคือพ่อของเด็กหนุ่มที่เราจะได้พบกับเขาตอนโตแล้ว “และผมก็ต้องบอกว่า” ครูซพูดถึงการแสดงของเทลเลอร์ในบทรูสเตอร์ว่า “ผู้ชายคนนั้นปรากฏตัวขึ้น และเขาก็รู้วิธีสวมบทเป็นตัวละครนั้น ไมลส์มาที่กองถ่ายและเขาก็ไว้หนวด สวมเสื้อฮาวาย มีทรงผมที่... ผมได้แต่พูดกับเขาว่า 'คุณเป็นลูกของกู๊ส คุณคือลูกชายของแอนโธนี [เอ็ดเวิร์ดส์] และเม็ก [ไรอัน]' และเขาก็ทำได้ดี เขาเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมมาก ผมจะบอกอะไรคุณซักหน่อย การสร้างโทนแบบนั้น ในความสัมพันธ์ระหว่าง มาเวอริคและรูสเตอร์ เป็นเหมือนการร้อยเข็มครับ มันจะต้องมีพื้นฐานทางอารมณ์ และเมื่อคุณดูการแสดงของเขา คุณก็จะเห็นลูกชายของกู๊ส”

การจากไปของพ่อของเขาก็ส่งผลต่ออาชีพการงานของรูสเตอร์ด้วยเช่นกัน เสียงสะท้อนจากภาคแรกได้ก้องกันวานมาถึงในเรื่องราวของ Top Gun: Maverick ด้วย โคซินสกี้กล่าวว่า "สิ่งที่รูสเตอร์มีที่ทำให้เขาแตกต่างจากนักบินคนอื่นๆ ก็คือ เขาบินในแบบที่ค่อนข้างจะหัวโบราณมากกว่า ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้เนื่องจากพ่อของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในเครื่องบิน F-14" โคซินสกี้กล่าว “แต่ความระมัดระวังเล็กน้อยนั้นอาจเป็นจุดอ่อนในการต่อสู้ได้ บางครั้งคุณจำเป็นต้องก้าวร้าวมากขึ้นเพื่อเอาตัวรอด นั่นเป็นสิ่งที่มาเวอริคพยายามทำให้เขาเข้าใจ”

นั่นไม่ใช่กระบวนการที่ง่ายดายเลย เมื่อพิจารณาถึงประวัติระหว่างตัวละคร “มาเวอริคบอกรูสเตอร์อยู่เสมอว่าเขาต้องเชื่อสัญชาตญาณของเขา” เทลเลอร์กล่าว “ลืมเรื่องทฤษฎีไปซะ เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง เชื่อในตัวเอง จริงๆ แล้ว มันเป็นเรื่องของการที่นักบินเหล่านี้ต่อต้านตัวเอง ต่อต้านการยับยั้งของพวกเขาเอง เป็นเรื่องที่พวกเขาต่อต้านทักษะของตัวเอง ก้าวไปไกลกว่าสิ่งที่พวกเขาคิดว่าสามารถทำได้ และทดสอบขีดจำกัดของตนเอง รูสเตอร์ถูกหล่อหลอมจากการตายของพ่อของเขา และตอนนี้ เขาก็จะได้รู้ว่าจริงๆ แล้ว เขาเป็นใคร” เทลเลอร์สวมบทบาทนี้อย่างจริงจังจนเขาใช้เวลาเรียนเปียโนเจ็ดสัปดาห์ก่อนถ่ายทำ เพื่อที่เขาจะสามารถเล่นเปียโนจริงๆ ได้ในฉากใน Top Gun: Maverick เมื่อรูสเตอร์เลียนแบบพ่อของเขาจากภาคแรก และร้องเพลง 'Great Balls Of Fire' ในบาร์

 

 

“แน่นอนว่าความสัมพันธ์ระหว่างมาเวอริคและรูสเตอร์นั้นซับซ้อนมาก” แม็คควอร์รีย์กล่าว “แบรดลีย์ แบรดชอว์ยังเป็นแค่เด็กเล็กใน Top Gun ภาคดั้งเดิม และอาจจะไม่ได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาทั้งหมด และในหนังเรื่องนี้ เขาโตแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีความสัมพันธ์ที่ยังไม่ได้คลี่คลายกับพ่อของเขา และกับมาเวอริค และความสัมพันธ์นั้นสร้างความซับซ้อนให้กับความทะเยอทะยานของเขาอย่างไร”

ครูซรู้ดีกว่าคนอื่นๆ ว่าตัวละครของกู๊สยังคงมีความหมายต่อผู้คนมากเพียงใด และความตายของเขาใน Top Gun ยังคงเจ็บปวดเพียงใด “เมื่อคุณลองมานึกดู เราเป็นคนฆ่ากู๊สครับ” ครูซกล่าว “คุณนึกภาพออกไหม? ปัจจุบันนี้ คุณคงฆ่ากู๊สได้ลำบากน่าดูชม คงมีการพูดคุยกันมากมายเกี่ยวกับการฆ่ากู๊ส พอคุณฉายรอบทดสอบ พวกเขาก็จะบอกเราว่า 'พวกเขาไม่ชอบเลยที่กู๊สตาย! เขาเป็นตัวละครที่น่ารัก! คุณต้องตัดเรื่องนั้นออกจากหนังนะ'” แต่อย่างที่ครูซรู้ในตอนนั้นว่าชะตากรรมของกู๊สเป็นที่แน่นอนแล้ว “กู๊สตายในบทเสมอ” และเขาเองก็รู้เช่นกันว่า รูสเตอร์เป็นหนทางการกลับมาของพวกเขาเมื่อถึงตอนที่พวกเขาต้องการหาเรื่องราวสำหรับภาคต่อ

“กู๊สแทรกซึมอยู่ในทุกเฟรมของหนังเรื่อง [ใหม่] นี้” แม็คควอร์รีย์ตั้งข้อสังเกต “เขาเป็นตัวละครที่ทุกคนชื่นชอบตั้งแต่ภาคแรก โดยเฉพาะมาเวอริค และมันก็เป็นความท้าทายอย่างแท้จริงเพราะเราไม่ต้องการนำผู้ชมออกจากหนังและขอให้พวกเขาจดจำหนังเรื่องอื่น เราก็เลยต้องแนะนำกู๊สในฐานะตัวละครตัวหนึ่งอีกครั้ง เราต้องแนะนำเขาในฐานะวิญญาณในเรื่องราวนี้ และมันก็ปรากฏชัดมากๆ แม้กระทั่งในประโยคที่ว่า 'พูดกับฉันสิ กู๊ส’ น่ะครับ”

 

 

นั่นคือความใส่ใจในรายละเอียดเกี่ยวกับ Top Gun: Maverick การปรับเทียบอย่างประณีตระหว่างความใหม่และการหวนคำนึงถึงความหลัง มันเป็นเส้นแบ่งบางๆ ที่แทบไม่ได้ปรากฏอยู่ในฉบับสมบูรณ์ด้วย แม็คควอร์รีย์เล่าว่า “ตอนที่เราดูหนังต้นฉบับ เราต่างก็อึ้ง” แม็คควอร์รีย์เล่า “ที่ว่าบทพูดแรกของมาเวอริคใน Top Gun ภาคแรกคือ 'พูดกับฉันสิ กู๊ส'” บทพูดนั้นยังคงอยู่ และผลลัพธ์ที่ได้คือความรู้สึกที่ว่า กู๊สยังคงมีชีวิตอยู่ผ่านทาง Top Gun: Maverick  “ตลอดทั้งเรื่อง” แม็คควอร์รีย์กล่าว “คุณมีความรู้สึกว่า กู๊สกำลังเฝ้าดูมาเวอริคและรูสเตอร์อยู่ ด้วยความหวังว่าตัวละครทั้งสองนี้จะปรองดองกันได้ เพราะในหลายๆ ด้าน พวกเขาเป็นคนสองคนที่ไม่มีครอบครัว และหนังเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่พวกเขาพบครอบครัวครับ”

 

 สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่ 

ท็อปกัน มาเวอริค

  • 08 December 2022
  • Adventure / แอ็คชัน / ชีวิต /
  • 130 นาที
15+

ข่าวที่เกี่ยวข้อง