42,888
29 พ.ย. 2021
8.Far From Home
เราได้เห็นพัฒนาการของ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ตั้งแต่การถูกเรียกตัวไปช่วยเหลือในศึก Civil War กลับมาเฝ้ารอและทำหน้าที่เพื่อนบ้านที่แสนดีตามคำแนะนำของโทนี สตาร์ก แม้จะปฏิเสธการเป็นอเวนเจอร์ส แต่เมื่อภัยมาถึงเขาเลือกจะไปสู้ในศึกต่างดาว เพื่อปกป้องบ้านของตัวเอง แต่พลิกผันจนเขาต้องสลายหายไปจากเหตุการดีดนิ้ว และเมื่อกลับมาปิดบัญชีจนต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสีย และเขาอยากจะพักจากภาระทั้งมวล นั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นใน Spider-Man: Far From Home กับการพักร้อนของปีเตอร์ พาร์คเกอร์ แต่ไม่วายเขาก็ถูกดึงตัวโดยนิค ฟิวรี่ให้ไปรับมือภัยร้ายปริศนา พร้อมกับการปรากฎตัวของเควนติน เบค ผู้เข้ามาช่วยเหลือและเป็นเหมือนสหายคนใหม่ แต่แน่นอนว่ามันไม่มีอะไรชอบมาพากล การกลับมาครั้งนี้ของสไปเดอร์แมน พาเอาผู้ชมและ MCU กลับสู่พื้นโลกอีกครั้ง กับเรื่องราวที่มีกลิ่นอายของภาพยนตร์วัยรุ่น ผสมปนเปกับความรักกุ๊กกิ๊กและมุกตลกสุดฮาอันเป็นเสน่ห์ นอกจากนั้นแล้วสิ่งที่พวกเขาอัพเกรดเพิ่มเติมคือความยิ่งใหญ่ของฉากแอ็คชั่นที่มีความหนักหน่วง ดึงเอาศักยภาพของปีเตอร์ พาร์คเกอร์ออกมาทุกหยาดหยด เราจะได้เห็นปีเตอร์ต้องใช้ชีวิตอยู่กับมรดกของโทนี สตาร์ก และเป็นการตั้งคำถามที่เหมาะสมกับตัวสไปเดอร์แมนมาก นั่นคือ การต้องเลือกระหว่างชีวิตส่วนตัวและความรับผิดชอบ ยืนยันคำพูดสุดคลาสสิคของตัวละครนี้ที่ว่า “พลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง”
7.Spider-Man 3 ปี 2007
ของผู้กำกับ Sam Raimi ที่ว่ากันว่าเป็นหนังปิดไตรภาคที่แย่ที่สุดในเฟรนไชส์ และมันยังคงเป็นหนังที่ดีน้อยที่สุดในเฟรสไชส์หนัง Spider-Man ด้วย เหมือนกันกับ Alien 3 และ X-Men: The Last Stand ที่เป็นหนังจบไตรภาคที่มีการวิจารณ์มากกว่าการชื่นชม แต่เราก็ต้องยอมรับว่าท่าเต้นของ Peter ในฉากข้างถนนนั้นเป็นอะไรที่คูลมากๆมาจนถึงปัจจุบัน Spider-Man 3 นั้นเต็มไปด้วยเนื้อเรื่องรองที่แทรกเข้ามามากมายและเต็มไปด้วยความเข้าใจผิด อีกทั้ง Mary Jane ยังถูกลักพาตัวเป็นครั้งที่ 3 อีกแล้วในเฟรนไชส์ การฝืนจึงเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดจากหนังเรื่องนี้
6.The Amazing Spider-Man 2 ปี 2014
เป็นเวลา 7 ปีหลัง Spider-Man 3 ที่ The Amazing Spider-Man 2 ได้เข้าฉาย แต่ในครั้งนี้มันไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว ผลกระทบที่เคยได้รับมันได้ตอกย้ำถึงความล้มเหลวเกี่ยวกับหนังภาคต่อ Marc Webb กับหนังภาคต่อภาคที่ 2 ที่นำแสดงโดย Andrew Garfield ก็เหมือนจะดูดีขึ้นมาทั้งตัวร้ายที่มีปมน่าสนใจอย่าง Electro และ Green Goblin อย่างไรก็ตามความ Amazing ก็จบลงเพียงแค่ในภาคที่ 2 นี้เท่านั้น
5.The Amazing Spider-Man ปี 2012
หนังรีบู๊ทเฟรนไชส์ใหม่ โดยผู้กำกับคนใหม่อย่าง Marc Webb และนักแสดงนำสุดหล่อคนใหม่อย่าง Andrew Garfield ในบท Spider-Man โดยการรีบู๊ทครั้งใหม่นี้ได้มีการเพิ่มคำว่า Amazing เข้าไปในชื่อหนังและหนังจะเล่าเรื่องทุกอย่างใหม่หมด อีกทั้งตัว Spider-Man ก็จะอยู่ในช่วงวัยที่หนุ่มกว่าเดิมอีกด้วย
4.Spider-Man ปี 2002
Spider-Man ฟอร์มยักษ์เรื่องแรกที่เป็นการเปิดจักรวาลไอ้แมงมุมและทำให้ผู้คนทั่วโลกรู้จักและหลงรักซูเปอร์ฮีโร่คนนี้มากขึ้น โดยผู้กำกับ Sam Raimi ที่หลังจากการเข้าฉายมันก็ได้กลายเป็นหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปี 2002 อีกทั้งมันยังกลายเป็น 1 ในหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่น่ายกย่องตลอดกาล
3.Spider-Man: Homecoming ปี 2017
จากความผิดหวังของ The Amazing Spider-Man 2 ทำให้ทางค่าย Sony ต้องคิดใหม่และเป็นจังหวะพอดีที่จักรวาล Marvel กำลังเติบโตและต้องการให้ซูเปอร์ฮีโร่ไอ้แมงมุมยอดนิยมกลับมาสู่จักรวาลหลัก การร่วมมือของทั้ง 2 ค่ายจึงเริ่มขึ้น และ หนังเดี่ยว Spider-Man เวอร์ชั่นรีบู๊ทใหม่อีกครั้งที่อยู่ในจักรวาลเดียวกันกับ Marvel ในเรื่อง Spider-Man: Homecoming จึงเกิดขึ้น! และจากการที่แฟนๆรอคอยมาหลายปีและการได้เห็นซูเปอร์คนนี้กลับสู่บ้านเกิดและมีปฏิสัมพันธ์กับฮีโร่ตัวอื่นอย่าง Ironman ทำให้หนัง Spider-Man ภาคนี้ได้รับความนิยมสูง
2.Spider-Man: Into the Spider-Verse ปี 2018
หนังอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์ Spider-Man เรื่องนี้จะกลายเป็นหนังที่ดีที่สุดตลอดกาลอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเสียงวิจารณ์จากผู้ที่ได้ดูมาแล้วต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันเป็นหนังที่ดีมากๆและนี่คือหนังที่ Spider-Man ควรจะเป็น อีกทั้งหนังเรื่องนี้ยังเป็นการรวมจักรวาลในทุกๆจักรวาลของ Spider-Man มาไว้ด้วยกันอีก แถมยังมี Spider-Man จากหลายๆโลกหลายๆเวอร์ชั่นมาร่วมผจญภัยด้วยกันอีกด้วย โดยในตอนนี้คะแนน Rotten อยู่ที่ 97% และเป็นเจ้าของรางวัลลูกโลกทองและออสการ์อีกด้วย
1.Spider-Man 2 ปี 2004
Spider-Man ไม่เป็นเพียงแค่หนังที่ดีที่สุดในเฟรนไชส์ Spider-Man แต่มันยังเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ดีที่สุดตลอดกาลเรื่องหนึ่งอีกด้วย จากการพัฒนาของผู้กำกับ Sam Raimi ที่ได้พัฒนาแลเรียนรู้มาจากภาคแรก สู่ภาคที่สอง ทุกอย่างมันจึงลงตัว อีกทั้งการเปิดตัววายร้ายอย่าง Doctor Octopus ที่ได้ทำให้เนื้อเรื่องสนุกไปอีกขั้น Tobey Maguire คือนักแสดงที่รับบท Spider-man ที่ดีที่สุดในภาคนี้ และเขาคือผู้ที่มาพร้อมกับฉากหยุดรถไฟในตำนาน แต่ใครจะไปรู้ว่าภายใต้หน้ากากของชายสุดแข็งแกร่งคนนี้ การร้องไห้ของเขามันช่างน่าสงสารเหลือเกิน
และในตอนนี้จักรวาลของสไปเดอร์แมนก็ได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล เมื่อความลับตัวตนของเขาถูกเปิดเผย นับได้ว่านี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่สไปเดอร์แมนปรากฎตัวบนโลกภาพยนตร์ที่เขาต้องรับมือกับสิ่งที่ไม่เคยมีเวอร์ชั่นไหนเคยเจอมาก่อน และแน่นอนว่ามันต้องนำไปสู่เรื่องราววุ่นวายที่ไม่มีใครคาดคิดถึง เพราะความพยายามแก้ไขนี้นำไปสู่การเปิดประตูสู่มัลติเวิร์สอย่างเต็มรูปแบบ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์จะต้องรับมือกับภัยคุกคามที่ร้ายแรงและอันตรายยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาถูกนำมาเดิมพัน รอชมพร้อมกันว่าคราวนี้เรื่องราวจะจบลงอย่างไร ใน Spider-Man: No Way Home เปิดจองตั๋วล่วงหน้าแล้ววันนี้ ก่อนฉายจริง 23 ธันวาคมนี้ในโรงภาพยนตร์
อย่างไรก็ตามนี่เป็นการจัดอันดับความชอบส่วนบุคคลของสื่อชื่อดังและโดยบุคคลส่วนใหญ่เท่านั้น แฟนๆไอ้แมงมุมก็คงจะมีอันดับหนังสุดรักไว้ในใจของตัวเองกันอยู่แล้ว ดังนั้นบทความนี้จึงเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
เรียบเรียงจาก: https://screenrant.com
สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่
