3 เหตุการณ์คู่ขนาน ระหว่างหนีมหาวิบัติแผ่นดินไหว
ใน San Andreas
“San Andreas” เล่าเรื่องสามส่วนที่เกิดขึ้นพร้อมกัน หลังจากแผ่นดินไหวครั้งแรกโจมตีลอสแองเจลีส เรย์ค้นหาอดีตภรรยา เอมมา ที่รับบทโดยคาร์ลา กูจิโน ในการกู้ภัยด้วยเฮลิคอปเตอร์อันชวนระทึก ขณะที่หญิงผู้เด็ดเดี่ยวกล้าหาญปีนซากปรักหักพังของตึกระฟ้าใจกลางเมืองที่พังลงมา จากนั้นทั้งสองก็ร่วมกันออกค้นหาลูกสาว เบลค ในเหตุการณ์ภายหลังแผ่นดินไหวครั้งที่สองในซานฟรานซิสโกซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 400 ไมล์ มันเป็นการเดินทางที่อันตรายและชวนตื่นตระหนกซึ่งเต็มไปด้วยอุปสรรคและทางตัน ระหว่างนั้นทั้งสองก็ใช้โอกาสทุกอย่างและการเดินทางแทบทุกรูปแบบที่เป็นไปได้ ตั้งแต่เฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินไปจนถึงรถบรรทุกและสปีดโบ๊ต รวมถึงต้องสำรวจจิตใจของตนเองไประหว่างทาง
“มันตลกดีนะ คุณคิดว่ากำลังจะเดินไปทางหนึ่งในชีวิต แล้วบางสิ่งก็เกิดขึ้น และจู่ๆ คุณก็ต้องมุ่งไปยังหนทางที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิงและมุมมองทั้งหมดของคุณก็เปลี่ยนแปลงไป” จอห์นสันตั้งข้อสังเกต
ระหว่างที่ทั้งสองเดินทางขึ้นเหนือ เบลค วัย 19 ปี ซึ่งรับบทโดยอเล็กซานดรา แดดดาริโอ ถูกปล่อยให้เคว้งคว้างเมื่อแดเนียลพ่อเลี้ยงในอนาคตของเธอซึ่งรับบทโดย ไอโอน กรัฟฟัดด์ ได้หายตัวไป
เธอต้องพึ่งสัญชาตญาณของตัวเองและความแคล่วคล่องในการเอาชีวิตรอดเพื่อหาหนทางไปสู่ที่ปลอดภัย โดยมีชายหนุ่มที่เธอเพิ่งได้พบอย่าง เบน รับบทโดย ฮิวโก จอห์นสโตน-เบิร์ต มาร่วมทางด้วย “ตัวละครของคาร์ลาและอเล็กซานดราเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง ไม่ใช่หญิงสาวอ่อนแอที่รอให้คนมาช่วย เรื่องนี้สำคัญสำหรับเรา” ฟลินน์กล่าว
“พวกเธอได้เล่นฉากแอ็คชั่นดีๆและมีส่วนร่วมในการทำอะไรเจ๋งๆ มากมายหลายอย่างในหนังเรื่องนี้ ผมมีลูกสาวสองคนดังนั้นผมจึงชอบเป็นพิเศษที่ได้เห็นผู้หญิงรับบทบาทเหล่านี้ เพราะในความเป็นจริงแล้วผู้หญิงมักเป็นฮีโร่ของจริง”
“สิ่งต่างๆ อาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ชีวิตเป็นสิ่งคาดเดาไม่ได้เลย” อเล็กซานดรา แดดดาริโอยอมรับ “มันน่าสนใจที่ได้เห็นเธอใช้ทักษะทั้งหมดที่ได้เรียนรู้มาจากพ่อและใช้ความสามารถที่เธอมีอยู่และอาจไม่รู้ตัวมาก่อนว่ามี เธอเป็นตัวละครที่เข้มแข็ง แกร่ง และรอบรู้ แต่ก็ยังเป็นเด็กสาวธรรมดาที่ผู้คนเข้าถึงได้ และคุณจะได้เห็นเธอพัฒนาตัวเองผ่านบทพิสูจน์นี้เพื่อกลายเป็นผู้หญิงเต็มตัว แล้วก็แน่ล่ะค่ะว่าการเล่นเป็นลูกสาวของดเวย์นทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองแกร่งยิ่งกว่าที่เป็นจริงๆ”
พอล จิอาแม็ตติ รับบทเป็นลอว์เรนซ์ เฮย์เยส นักวิชาการด้านแผ่นดินไหว ซึ่งได้คำนวณข้อมูลและติดตามเครื่องตรวจวัดต่างๆ มานานก่อนที่แผ่นดินไหวจะโจมตีแคลิฟอร์เนีย เขาศึกษาเหตุแผ่นดินไหวที่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นแผ่นดินไหวในเนวาดาที่ทำลายเขื่อนฮูเวอร์ก่อนจะส่งผลไปยังรอยเคลื่อนซานแอนเดรส
ถ้าเขาคิดถูก มันจะยืนยันความถูกต้องของงานที่เขาทำมาทั้งชีวิต แต่นั่นย่อมหมายถึงการทำลายล้างเป็นวงกว้างยิ่งขึ้นอีก “เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ปราดเปรื่องและเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองในฐานะนักวิจัยแนวหน้าในงานด้านนี้ ลอว์เรนซ์ได้พัฒนาทฤษฎีขึ้นมาด้วยการแกะรอยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนแผ่นดินไหวและติดตามพัฒนาการของมันเพื่อพยายามทำนายการเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ครั้งต่อไป” พอล จิอาแม็ตติกล่าวถึงตัวละครที่เขาเล่น
ลอว์เรนซ์ เชื่อว่าเขาได้พบหนทางที่จะตามรอยแผ่นดินไหวและเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อประสบปัญหาจากความขัดข้องและความเสียหายของระบบไฟฟ้าและระบบสื่อสารที่ห้องแล็บของเขาในพาซาเดนา เขาจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อส่งข้อความเตือนออกไปให้ได้ ด้วยความช่วยเหลือของนักข่าวทีวีผู้กล้าหาญซึ่งต้องมาติดอยู่
“เรื่องแผ่นดินไหวกลายเป็นแกนหลักของเรื่องราวในหนัง
ซึ่งเป็นตัวกำหนดกรอบและสร้างสภาพแวดล้อมของภัยพิบัติขึ้นมา”