HIGHLIGHT CONTENT

5 เหตุผลที่ต้องห้ามพลาด เจมส์ บอนด์ ภาค No time to die

  • 1,633
  • 06 ต.ค. 2021

1.ปิดตำนานการรับบท เจมส์ บอนด์ ของ แดเนียล เครก

แดเนียล เครก รับบท เจมส์ บอนด์ มาตั้งแต่ปี 2006 เริ่มต้นจาก 007 พยัคฆ์ร้ายเดิมพันระห่ำโลก (Casino Royale) ในปี 2008 007 พยัคฆ์ร้ายทวงแค้นระห่ำโลก (Quantum of Solace) ในปี 2012 พลิกรหัสพิฆาตพยัคฆ์ร้าย 007 (Skyfall) 2015 ใน องค์กรลับดับพยัคฆ์ร้าย (Spectre) และ ในภาคสุดท้ายคือ No time to die ก่อนที่จะยุติการแสดงในบทบาทนี้ ทั้งนี้ แดเนียล เครก ถือเป็นการรับบทเป็นเจมส์ บอนด์ คนที่ 6

2.การกลับมาของ Spectre

SPECTRE ระดับตำนานของ เจมส์ บอนด์ ที่อยู่มาตั้งแต่ยุคแรกๆ ในยุคของ ฌอน คอนเนอรี่ โดย ถูกพูดถึงเป็นครั้งแรกใน Dr. No (1962) มาปรากฏตัว ใน Diamonds Are Forever (1971) หนังลำดับที่ 7 ว่าด้วยการล้างแค้นของ เจมส์ บอนด์ พร้อมเผยความลับสุดยอดของ โบลเฟลด์ มหาวายร้ายอันดับหนึ่งและภารกิจการสร้างจานดาวเทียมเลเซอร์ขนาดยักษ์จากเพชรนั่นเอง ซึ่งล่าสุดองค์กรร้ายนี้กลับมาใน ภาค No time to die ด้วย ซึ่งการกลับมาครั้งนี้สมการรอคอยแฟนหนังเจมส์ บอนด์อย่างแน่นอน

3.เปิดตัว สองสาว รหัส 00

ใน No time to die จะมีการเปิดตัว สองสายลับใหม่ คือ เอเจนท์ โนมิ รับบทโดย ลาชานา ลินช์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือว่าเธอจะเป็นรหัส007 คนใหม่ด้วย รวมถึง แนะนำ เอเจนท์ปาโลม่า รับบทโดย อนา เดอ อาร์มาส บอกได้เลยว่ามีความแซ่บบู๊หนักจัดเต็มแน่นอน

 

 

 

4.ตัวร้ายที่รับบทโดยนักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์

ในภาคนี้เป็นการเปิดตัว ซาฟิน ที่รับบทโดย รามี มาเล็ค ซึ่งเขาเป็นวายร้ายที่มาพร้อมปมฝังลึกในอดีตและมีแผนชั่วที่จะทำให้ทั้งโลกระส่ำได้เลยทีเดียว พร้อมแผนการทำลายล้างที่ทุกคนจะต้องอึ้ง การันตีฝีมือการแสดงด้วยคุณภาพระดับออสการ์ เป็นอีกศึกหนักของเจมส์ บอนด์ ที่จะต้องรับมือใน No time to die

5.เพลงประกอบภาพยนตร์ระดับแกรมมี่อวอร์ด

เพลง No Time to Die ที่ขับร้องโดยบิลลี ไอลิช ก็สามารถคว้ารางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาครองได้ เอาชนะเพลง Stand Up จากภาพยนตร์เรื่อง Harriet, Into the Unknown จาก Frozen 2, Carried Me With You จาก Onward และ Beautiful Ghosts จาก Cats มาได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง