HIGHLIGHT CONTENT

รีวิว No Time to Die ปัจฉิมบทสุดยิ่งใหญ่ หนังยาวแต่ชวนติดตามจนจบ

  • 1,664
  • 07 ต.ค. 2021

 

 

รีวิว No Time to Die ปัจฉิมบทสุดยิ่งใหญ่

หนังยาวแต่ชวนติดตามจนจบ

 

หลังจากที่ต้องตะกุกตะกักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มา ทำให้ภาพยนตร์เรื่อง No Time to Die ภาพยนตร์ลำดับที่ 25 ของเฟรนไชส์เจมส์ บอนด์ ต้องเลื่อนกำหนดฉายมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ในที่สุดตอนนี้ก็ได้เวลาที่เราจะไปเป็นสักขีพยานในปัจฉิมบทของ แดเนียล เครกในบทบาทนี้แล้ว ซึ่งขอบอกเลยว่าพวกเขาจัดเต็ม ใส่ไม่ยั้ง จัดความยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับกลิ่นอายของอดีตที่ทำให้แฟน ๆ 007 หายคิดถึง

 

เรื่องราวเริ่มต้น 5 ปี หลังจากที่เจมส์ บอนด์ ตัดสินใจเกษียณตัวเองจากการเป็นสายลับรหัส 007 และไปใช้ชีวิตชื่นคืนสุขกับดร.แมเดลีน สวอนน์ แต่อดีตที่พวกเขาคาดไม่ถึงก็กลับมาโจมตี ดึงเจมส์ บอนด์และแมเดลีนให้ต้องแยกจากกัน และกระชากเจมส์กลับเข้ามาสู่วงการสายลับอีกครั้ง ซึ่งในตอนนี้ MI6 ได้แต่งตั้งสายลับรหัส 007 คนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทนแล้ว เจมส์ ได้ร่วมมือกับเฟลิกซ์เพื่อนของเขา ปฏิบัติการเพื่อหยุดยั้งแผนการร้ายของอาชญากรอัจฉริยะ ซาฟิน เพื่อหยุดแย้งแผนการที่จะกวาดล้างมนุษยชาติ เรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวพันกับอดีตของเขาและแมเดลีน และมันจะชี้ชะตาอนาคตของพวกเขาทั้งหมดด้วย

 

 

จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้เลยก็คือ การดำเนินเรื่องที่แม้ว่าตัวหนังจะมีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 44 นาที แต่ก็สามารถร้อยเรียงเรื่องราวให้เราสามารถจดจ่อและติดตามได้ไปจนจบเรื่อง ผสมผสานอารมณ์ขันที่มาแบบพอดับพอดี เข้ากับฉากแอ็คชั่นสุดยิ่งใหญ่ได้อย่างลงตัว ซึ่งใครคาดหวังว่าจะได้เห็นแดเนียล เครก แอ็คชั่นเสี่ยงตาย ขอบอกเลยว่าจัดมาให้จนสาแก่ใจ ตั้งแต่ต้นจนจบเลยทีเดียว และอีกตัวละครหนึ่งที่เราอยากจะชื่นชมเป็นพิเศษก็คือ พาโลม่า ที่รับบทโดย อนา เดอ อามาส ที่ขอบอกเลยว่าเธอทั้งสวย ทั้งเซ็กซี่ และเก่งกาจ สมกับเป็นสาวบอนด์ยุคใหม่เลยทีเดียว

 

 

จุดที่เราไม่ค่อยชอบสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ บทบาทของ โนมิ หรือเจ้าของรหัส 007 คนใหม่ ที่รับบทโดยลาชาน่า ลินช์ ซึ่งไม่ใช่ว่าเธอแสดงออกมาได้ไม่ดี แต่บทของตัวละครนี้เหมือนถูกดีไซน์มาให้เป็นลูกไล่ของเจมส์ บอนด์มากกว่า ไม่ค่อยได้มีฉากให้เธอได้โชว์ความสามารถของตัวเองเท่าไรนัก

 

 

สิ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ซาฟิน ที่รับบทโดย รามี มาเล็ค ที่แม้ว่าจะปรากฎตัวออกมาไม่เยอะ แต่ความเยือกเย็น และอำมหิตของเขาคือของจริง ชายผู้ที่สูญเสียทุกอย่างและเลือกจะฆ่าฟันสังหารทุกคนเป็นการตอบแทน เขาคือคนที่เข้ามาเพื่อเปลี่ยนเกมของเจมส์ บอนด์ไปอย่างสิ้นเชิง อีกอย่างที่เจมส์ บอนด์ในภาคนี้ได้เตรียมเอาไว้ให้เราก็คือ บรรดาเซอร์ไพร์สต่าง ๆ ที่ใครติดตามเฟรนไชส์นี้มาตลอดได้มีร้องกรี๊ดกันเบา ๆ ในใจอย่างแน่นอน

 

สรุปแล้วนี่คือบทสรุปที่แสนยิ่งใหญ่ของเจมส์ บอนด์ และแดเนียล เครกก็ถ่ายทอดมันออกมาได้อย่างเต็มที่ เห็นได้ชัดเลยว่าเขาทุ่มสุดตัวจริง ๆ เรื่องราวก็น่าสนใจและน่าติดตามไปตลอดทั้งเรื่อง ใครที่อยากจะไปสัมผัสความยิ่งใหญ่แบบเต็มอิ่ม เราก็ขอแนะนำในระบบ IMAX ที่จัดเต็มทั้งระบบภาพ และเสียง สมกับการเป็นปัจฉิมบทของเจมส์ บอนด์อย่างที่สุด ห้ามพลาด No Time to Die ฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์

 

 สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง