HIGHLIGHT CONTENT

พร้อมตัวละครที่เติบโตขึ้น! นักแสดงชุดเดิมกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตา ใน Shazam! Fury of the Gods

  • 1,986
  • 13 มี.ค. 2023

พวกเขามาพร้อมตัวละครที่เติบโตขึ้น!

นักแสดงชุดเดิมกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตา

ใน Shazam! Fury of the Gods

 

 

ฉันใช้เวลานับพันปีเพื่อตามหาผู้ชนะที่คู่ควร—
นายรู้ดีว่าต้องจัดการเรื่องอะไร!
— พ่อมด

 

เวลาผ่านไป 2-3 ปีนับจากวันฉายภาคแรก เด็กๆ ในครอบครัวชาแซมโตขึ้นบ้างแล้ว ทำให้มีเรื่องที่ต้องตัดสิน เพราะไม่มีใครเหมือนบิลลี่ ที่มีความกระตือรือร้นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนก็ตาม การตามหาซูเปอร์ฮีโร่ของพวกเขาจึงต้องใช้เวลาพอควร แต่ก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทุกคนที่จะต้องพบหลากหลายเรื่องราว ทั้งเรื่องหนุ่มๆ สาวๆ ที่โรงเรียน และเรื่องชะตาของทั้งเมืองและโลก

ช่วงเปิดตัวภาพยนตร์ บิลลี่ แบทสัน เติบโตไปมาก แต่ถึงแม้เขาจะเป็นส่วนหนึ่งในบ้านดูแลเด็ก Vasquez และครอบครัวอยู่พักหนึ่ง เขาคิดว่าทุกคนโตแล้วและมิตรภาพย่อมเปลี่ยนแปลงไป แต่บิลลี่ยังคงหาจุดหมายและที่พักพิงของเขาในช่วงการเปลี่ยนแปลงครอบครัว

แอชเชอร์ แองเจล กลับมารับบทบิลลี่ในร่างวัยรุ่น ผู้ชนะของพ่อมดที่ได้รับพลังวิเศษในการแปลงร่างเป็นซูเปอร์ฮีโร่ผู้ใหญ่ได้เพียงเอ่ยคำว่า “ชาแซม!” พร้อมพลังวิเศษที่มาพร้อมความมั่นใจ และสร้างความเสียหายไว้เล็กน้อยเมื่อกลับเข้าสู่ร่างเดิม บิลลี่อายุมากขึ้นแต่ยังไม่ฉลาดสักเท่าไหร่นัก เขาต้องทำตัวให้คู่ควรกับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ที่เขามี แต่การเดินทางมาถึงของเหล่าเทพที่ตั้งใจมาล้างแค้นทำให้อนาคตของครอบครัวเขาและมวลมนุษย์ตกอยู่ในอันตราย บิลลี่ต้องพยายามทำตัวเป็นฮีโร่ให้ได้อย่างที่ทุกคนต้องการ 

แองเจิลเล่าว่า “เราโตมาพร้อมกับการดูหนังซูเปอร์ฮีโร่ การได้เป็นส่วนหนึ่งในจักรวาลดีซีและเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของดีซีทำให้ผมทึ่งมาก มันรู้สึกพิเศษจริงๆ เวลาที่ผมอ่านบทเรื่องนี้จบ ผมโทรหาผู้สร้างฯ ปีเตอร์ ซาฟราน และบอกเขาว่าบทมีความเจ๋งขนาดไหน ผมบอกเขาทุกอย่างว่าผมชอบอะไรบ้าง ผมรู้สึกว่า ‘เอาเลย มาถ่ายทำเรื่องนี้กันเลย!’ ผมรู้สึกตื่นเต้นสุดๆ ผมพร้อมมาก

สิ่งสำคัญสำหรับนักแสดงและการเตรียมความพร้อมคือการสานต่อเรื่องราว รวมถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครและนักแสดง “มันเป็นความรู้สึกดีที่ได้อยู่กับเด็กๆ ได้ใช้เวลาร่วมกับแจ็ค เฟธ โจแวน เอียน และทุกคนอีกครั้ง เรามีเวลาที่ดีร่วมกับ และผู้ชมจะได้เห็นเคมีระหว่างพวกเราบนหน้าจออีกครั้ง นั่นคือสิ่งที่เราเฝ้ารอในเรื่อง” เขาสัญญา

ซัคคารี่ ลีวาย ผู้มีหัวใจเป็นเด็กกลับมารับบทบิลลี่ในร่างซูเปอร์ฮีโร่ผู้ใหญ่ ซาฟรานรับรองว่า “แซ็ค ลีวายอายุ  14 ขวบต้องอยู่ในร่างผู้ชายสุดหล่อสูง 6 ฟุต 4 ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากภาคแรกเลย เขามีความกระตือรือร้นกับบทนี้ที่กลายเป็นเด็กวัย 18 ปีที่ไม่หัวอ่อนเลย” 

ลีวายเห็นด้วยว่าเขาตื่นเต้นกว่าเดิมที่ได้กลับมารับบทนี้ “เพราะในเรื่องนี้จะได้สัมผัสอารมณ์ของครอบครัว และบิลลี่อยากจะรวมตัวทุกคนไปพร้อมๆ กับการเป็นผู้นำขนาดไหน หากเขารู้สึกว่านั่นคือความรับผิดชอบของเขาในร่างชาแซม แต่เพราะเขายังเป็นเด็ก เขายังอายุน้อย เขาพยายามนึกภาพว่าการเป็นผู้นำคืออะไร และสิ่งที่ทำให้เขาสงสัยคือเฟรดดี้อยากมีเส้นทางของตัวเองอย่างลำพัง เพราะเขาอยากสร้างความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในแบบตัวเองขึ้นมา แม้บิลลี่จะรู้ว่าเขาคือส่วนหนึ่งของครอบครัว แต่ก็มีบางอย่างในตัวเขาที่ยังไม่น่าเชื่อ เดี๋ยวก็รู้ว่าผมหมายถึงอะไร”

ความรู้สึกต่างๆ เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ แซนด์เบิร์กกล่าว “สุดท้ายบิลลี่ได้พบกับสิ่งที่เขาตามหาในภาคแรกคือครอบครัว แต่ตอนนี้เขากลัวจะสูญเสียมันไป เขาอยากให้ทุกคนร่วมมือกันเป็นทีมตลอดเวลา เขาต่อสู้อย่างหนัก เพราะทุกคนมีความต้องการต่างกัน และครอบครัวจะอยู่ติดกันตลอดเวลาไม่ได้ โดยเฉพาะเขาไม่อยากให้เฟรดดี้ออกไปทำภารกิจอะไรของตัวเองเลย”
แต่เฟรดดี้มีความคิดในแบบของเขา

เฟรดดี้ ฟรีแมนล่องลอยอยู่ในความฝัน เขาเพ้อฝันจริงๆ หลังจากที่ได้พลังวิเศษจากเพื่อสนิทของเขาและพี่น้องที่เลี้ยงดูมาด้วยกัน เขายังคงตามหาเส้นทางของตัวเอง ตอนนี้เฟรดดี้เอาชนะขีดจำกัดของตัวเองในแบบวัยรุ่นได้แล้ว และพยายามแสดงให้เห็นพลังที่เพิ่งค้นพบใหม่ โดยเฉพาะกับสาวหน้าใหม่ที่โรงเรียน แต่หากเขาจะฉีกแนวของตัวเองขึ้นมาจริงๆ เขาอาจจะพบกับหายนะ... ครั้งใหญ่ และอาจเลวร้ายกว่านั้นคือการทำอะไรลับหลังบิลลี่

แจ็ค ดีแลน กราเซอร์กลับมารับบทเดิม เขาเล่าว่า “ในภาคแรกเหมือนเป็นการทดลองและพบความผิดพลาดไปกับเฟรดดี้ที่ช่วยบิลลี่ค้นพบพลังในร่างชาแซม ส่วนในภาคนี้พวกเขารู้วิธีเหาะ มีปีกของตัวเอง ได้โชว์พลังเต็มที่ ในมุมของเฟรดดี้คิดว่าครั้งนี้เขาควรจะทำอะไรด้วยตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพากัน แน่นอนว่าเฟรดดี้อยากค้นหาคำตอบทุกเรื่องในสิ่งที่เขาคิดว่าจะแก้ไขได้ในฟิลาเดเฟีย”

ซึ่งการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ส่วนหนึ่งของทีม หมายถึงการรักษาความปลอดภัยให้กัน และนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายที่เด็กๆ จะได้เรียนรู้มัน “ในเรื่อง ‘Fury of the Gods’ ยกระดับฉากแอ็คชั่นมากขึ้น มีดราม่าที่เข้มข้นขึ้น และได้พบกับเหล่าร้ายสุดอันตรายทั้ง 3 แต่ก็มีการสะท้อนให้เห็นด้วยว่าเด็กๆ พยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่กว่าที่เป็น” กราเซอร์ยอมารับ “ความคิดของเฟรดดี้คือ ‘ออกไปสู้กับเหล่าร้ายหรืออะไรก็ตามที่เราจะจัดการได้ภายใต้ผ้าคลุมและชุดนี้กัน’ เพราะเขาเห่อกับพลังใหม่ของตัวเองมาก"

“ผมคิดว่าสิ่งที่หลายคนจะอินได้คือพวกเขาได้เรียนรู้จากความผิดพลาด และเติบโตตามที่ได้เรียนรู้มา” เขากล่าวต่อ “พวกเขาได้พัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้พวกเขาเรียนรู้การเป็นซูเปอร์ฮีโร่ได้”

“บิลลี่ไม่อยากเป็นซูเปอร์ฮีโร่สักนิด แต่เขาต้องเป็นแบบนี้และต้องเรียนรู้วิธีรับมือกับมัน” แซนด์เบิร์กกล่าว “เฟรดดี้พร้อมมากและเขาก็ชอบเหลือเกิน เขาอยากทำอะไรมากขึ้น อยากทำอะไรตามใจตัวเอง เป็นฮีโร่เต็มตัว ไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งของครอบครัว เพราะบิลลี่ไม่ใส่ใจอะไรมากนัก เขาไม่มีกฎเกณฑ์อะไรสักอย่างจนทำให้เกิดเรื่องผิดใจกัน”

อดัม โบรดี้มองหาชุดซูเปอร์สูทอีกครั้งในแบบไซส์ผู้ใหญ่สำหรับซูเปอร์ฮีโร่เฟรดดี้ “นี่เป็นบทที่ดีมากทั้งภาคแรกและภาคต่อ มีการลงลึกถึงรายละเอียดตัวละครทั้งเด็กและผู้ใหญ่” เขากล่าว “และก็มีรายละเอียดหลายอย่างที่ซ่อนอยู่ซึ่งจะสร้างความเซอร์ไพรส์ได้ มีความสนุกหลายเรื่องและมีความอลังการมากกว่าภาคแรก ผมตื่นเต้นมากที่ได้ขยายรายละเอียดออกมามากขึ้น ตัวละครมีความสนุกสนานและครั้งนี้ผมมีอิสระที่จะเข้าไปสำรวจอะไรมากขึ้น”

อิสระที่ว่านั้นโบรดี้เล่าได้แรงผลักดันมาจากแซนด์เบิร์ก “เดวิดเป็นผู้กำกับฯ ที่มีอิสระมาก เขาจะทำเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการ แต่เราก็ต้องถ่ายทอดการแสดงและใส่ไอเดียเรื่องต่างๆ ลงไปด้วย เขาเปิดรับกับสิ่งเหล่านั้นมาก”

โบรดี้มีความสุขที่ได้สำรวจในมุมความไม่ธรรมดาของเฟรดดี้ในครั้งนี้มากขึ้น “ชาแซมพร้อมใส่ใจรายละเอียดของภารกิจมากขึ้นในฐานะของผู้นำ ส่วนเฟรดดี้ไม่ได้รับการฝึกฝนแบบนั้น ซึ่งดูเขาจะมีความมั่นใจมากเกินไปสักหน่อย แต่ผมว่านั่นคือเสน่ห์ของเขาอย่างหนึ่ง” เขายิ้ม

แม้ว่าฉากต่างๆ ของเฟรดดี้จะดูไม่ถามหาภารกิจอะไร โบรดี้สนุกที่ได้เห็นการเทียบกันระหว่างเกรเซอร์กับพ่อมดของไจมอน ฮอนซู “ไจมอนมีความน่าทึ่งและผมต้องเข้าฉากร่วมกับเขาบ้าง แต่เมื่อไจมอนและแจ็คมาพบกัน มันเหมือนกันคู่หูตำรวจที่ไม่ถูกคู่สักเท่าไหร่ ผมจะไม่บอกอะไรมากนัก แต่ผมรักไอเดียของการสร้างความตลกให้พ่อมด เพราะปกติแล้วพ่อมดต้องดูเคร่งขรึม โดยเฉพาะเวลาที่เขาต้องเจอกับเหล่าวัยรุ่นที่ชอบแหกกฎ”

แน่นอนว่าตัวนักแสดงเองก็มีความเป็นวัยรุ่นอยู่ในตัว “ผมต้องรับบทเด็กและก็ต้องแสดงอะไรซื่อบื้อออกมา อันที่จริงทุกคนมีความซื่อบื้ออยู่ในตัว ลูซี่และเฮเล็นก็แสดงบนหน้าจอได้อย่างจริงจัง เพราะตัวละครของพวกเขาเป็นแบบนั้น แต่นอกจอพวกเขาก็ไม่เป็นแบบนั้น ผมรู้สึกชื่นชมมากเลย”

เมื่อพูดถึงความเคร่งขรึม... พี่คนโตสุดในบรรดาพี่น้องชาแซมอย่างแมรี่ บรอมเฟลด์อยู่ในช่วงที่จะก้าวเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว เธอต้องควบคุมพลังวิเศษเอาไว้ด้วยหน้าที่การงานช่วงกลางวัน และการเรียนในมหาวิทยาลัยของเธอกลับต้องใช้พลังเหนือมนุษย์

เกรซ แคโรไลน์ เคอร์รีย์กลับมารับบทเดิมอีกครั้งในภาคตอ “ตอนที่เราเล่นภาคแรกรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เล่นหนังที่มีผู้คนมากมายที่ฉันรู้จักและตื่นเต้นจะได้ดูหนัง เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ในเรื่องนี้เกี่ยวกับครอบครัวและการทำตัวติดกัน รวมถึงเรื่องความรักที่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นสายเลือดเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่งดงามมาก และเหมือนกับภาคแรกที่มีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเด็กๆ และพ่อแม่บุญธรรม รู้สึกอบอุ่นมากค่ะ"

ครั้งนี้แมรี่เป็นคนหนึ่งที่พบความเปลี่ยนแปลงในชีวิตครั้งใหญ่ “แมรี่อยู่ในช่วงเรียนจบไฮสคูลแบบงงๆ ไม่เรียนต่อในมหาวิทยาลัย เหมือนความรู้สึกเธอที่ซ่อนอยู่ปลดปล่อยออกมา ไม่รู้ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไป เธอกำลังเลือกถูกทางที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะเธอต้องต่อสู้กับทุกเรื่อง เธอรู้สึกไม่ค่อยมีความสุขและไม่เป็นที่พอใจของที่บ้าน”

ในบางมุม แมรี่ ผู้ที่อายุมากสุดกลับเป็นผู้ที่เข้าใจดีที่สุดว่าน้องชายของเธอมาจากที่ไหน และรู้สึกว่าต้องดูแลรับผิดชอบกับน้องชายของเธอ “บิลลี่เกาะติดกับทุกคน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขามีครอบครัว เขาห่างเหินความรู้สึกนี้มาเป็นเวลานาน ตอนนี้เขามีพวกเรา เขาไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไร”

การเกาะติดกันไม่จำเป็นว่าจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกันได้ “เด็กๆ จะได้รู้ว่าการเป็นซูเปอร์ฮีโร่แล้วไม่ทำหน้าที่ตัวเองเป็นอย่างไร พวกเขาปกป้องผู้คน และปกป้องสะพาน จากนั้นเกิดความผิดพลาด! เหล่าร้ายได้ก้าเข้ามาพุ่งเป้ามาที่เด็กๆ ที่ไม่รู้ว่าจะสู้กับพวกเขาอย่างไร ทุกเหล่าร้ายคือฮีโร่ในเรื่องราวของตัวเอง โดยเฉาพะเฮสเพร่า คาลิปโซ่ และแอนเธีย ผู้เชื่อว่าพวกเธอนำความยุติธรรมสู่เทพ และพุ่งเป้าไปที่บิลลี่ผู้เป็นต้นเหตุ พวกเธอเชื่อว่าหากตามล่าตัวเขาและจัดการได้ ความอยุติธรรมจะหายไป”

แม้แต่ดาร์ล่า ดัดลีย์ สมาชิกน้องเล็กสุดในครอบครัวชาแซมก็ดูเปลี่ยนไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ อย่างแรกคือในฐานะของซูเปอร์ฮีโร่ดาร์ล่า เธอดูแข็งแกร่งเหมือนพี่สาวของเธอ จากภายในสู่ภายนอก พลังของเธอเหมาะสมเข้ากับความขี้สงสัย ความจริงใจ และความมุ่งมั่นที่จะมอบความอ่อนหวานให้กับชีวิตทุกคน 

“ตอนนี้ดาร์ล่าเติบโตขึ้นแล้ว แต่ยังอายุน้อยสุดในครอบครัวเหมือนเดิม และยังคงมองโลกแง่ดี มองเห็นข้อดีในตัวทุกคน” แซนด์เบิร์กมั่นใจ “แม้แต่ยามที่เธอต่อสู้กับวายร้าย เธอปฏิบัติกับทุกคนด้วยความเคารพและยุติธรรม” แม้ว่าเธอจะโตขึ้นแล้ว?  “เธอก็ยังเชื่อในยูนิคอร์นเหมือนเดิม”

เฟธ เฮอร์แมน กลับมารับบทดาร์ล่าสาวน้อยสดใส เธอพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้พี่ชายไว้ใจ... แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“ดาร์ล่าเป็นน้องสาวที่น่ารัก เธอเก็บความลับได้ดี แต่ฉันคิดว่าเธอไม่อยากมีความลับกับครอบครัว หากนั่นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัวของเธอ” เฮอร์แมนกล่าว “ในภาคแรกเธออยากบอกพ่อกับแม่เรื่องที่เธอรู้เกี่ยวกับบิลลี่ แต่ตอนนี้เธอได้เป็นส่วนหนึ่งในภารกิจใหญ่ และสิ่งสำคัญคือต้องเก็บไว้เป็นความลับ”

ดาร์ล่าอาจโตพอที่จะได้รับความไว้ใจเรื่องความลับที่สำคัญทุกเรื่อง เธอกับพี่สาวต่างเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ต่อสู้กับความชั่วร้ายในบางเวลา แต่โชคดีที่เธอยังคงความเป็นเด็กอยู่ในตัว

เฮอร์แมนแชร์ความเห็น “ฉันคิดว่ามันดีมากเลยค่ะที่ดาร์ล่ารักกลิตเตอร์ ลูกกวาด และยูนิคอร์น แต่ก็มีความกล้าหาญมากพอและตื่นเต้นที่จะออกไปปกป้องโลกพร้อมยูจีน เปโดร บิลลี่ และทุกคน ซึ่งเธอช่วยได้มากเลยค่ะ”

“ฉันสนุกมากที่ได้รับบทดาร์ล่า” มีแกน กู้ด ผู้กลับมาร่วมทีมนักแสดงอีกครั้งและถ่ายทอดความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของดาร์ล่ากล่าว “ในภาคก่อนเรามีฉากแปลงร่างที่เท่มาก ผู้ชมได้เห็นพวกเขาใช้พลังซูเปอร์ฮีโร่ครั้งแรก แต่ในภาคนี้เราได้แสดงฝีมืออย่างเต็มตัว ได้ปกป้องผู้คนและเล่นฉากแอ็คชั่นที่น่าทึ่ง รู้สึกตื่นเต้นกับชุดใหม่และรูปร่างเข้าที่สำหรับภาคนี้

“ฉันรักตัวละครนี้และโดยเฉพาะที่สาวๆ ได้เห็นตัวเองเป็นซูเปอร์ฮีโร่ เพราะดาร์ล่าคือสาวน้อยตัวจริง” กู้ดเล่าต่อ “ความวิเศษสุดของหนังเรื่องนี้คือพวกเด็กๆ ได้ใช้ชีวิตที่ดูมีความสุขมาก พวกเรามีครอบครัว มีพลังวิเศษ และตอนนี้ได้เผชิญหน้ากับเหล่าเทพ มีเรื่องวุ่นๆ เกิดขึ้นหลายอย่าง แตเรามีโอกาสได้เจอทุกคนเป็นการส่วนตัว ได้เห็นตัวตนที่แท้จริง และรู้เหตุผลที่พวกเขาต่อสู้ แม้จะเติบโตมาอย่างเจ็บปวด เราพยายามเป็นทีมต่อสู้ของฟิลลี่ ต้องพบหลายปัญหาและตัดสินใจว่าสิ่งที่เราทำมันถูกหรือผด แต่เราจะได้รู้ว่าเราทำได้ดีที่สุดขนาดไหน บางครั้งเราต้องทบทวนการตัดสินใจของเรามากขึ้นด้วย!”

สิ่งหนึ่งที่ทุกคนในฉากเห็นด้วย คือการเลือกที่ซัคคารี่ ลีวายมีส่วนร่วมด้วยคือเสียงดนตรี กู้ดเล่าว่า “แซ็คเป็นคอดนตรี ในฉากเขาจะเปิดหลายเพลงมาก เราจะเริ่มเต้น ร้องเพลง เริ่มขอเพลง เราเพลินกับมันมาก วันแรกที่เฮเล็นมาเข้าฉากและเสียงเพลงดังขึ้น ตอนนี้เธอทั้งร้องเพลงและเต้นแล้ว ไม่ต่างกับลูซี่เลย พอเราอยู่ในชุดของเราที่พร้อมสำหรับฉากต่อสู้ แต่เสียงดนตรีดังขึ้นพวกเราถึงกับร้อง ‘เย้!’”

ในเรื่องราวจะมีตัวละครหนึ่งที่ไม่น่าจะร่วมปาร์ตี้เต้นรำได้ คือวัยรุ่นที่มีบุคลิกอย่างเปโดร พีน่า เขาต้องรับมือเรื่องความมั่นใจในตัวเอง แม้แต่การอยู่กับครอบครัว แต่การแปลงร่างเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของเขาได้ พร้อมความสนใจเรื่องเบสบอลทำให้เขาค่อยๆ ได้แสดงให้ทุกคนเห็นว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นคนอย่างไร

โจวาน อาร์มองด์กลับมารับบทเด็กที่คิดหลายเรื่องอยู่ในหัว “เปรโดร พีน่าเป็นเด็กขี้อายมาก แต่เขามีหลายสิ่งที่เขารัก ผมคิดว่าหนึ่งในนั้นที่สำคัญคือเรื่องเค-ป๊อป และตอนนี้เขาเริ่มชอบเบสบอล ซึ่งทำให้ โรซ่า แม่ของเขาแฮปปี้มากเพราะเป็นสิ่งที่แชร์ร่วมกันได้ เขามักจะสนใจเรื่อง ‘กล้าม’ และการสร้างกล้าม ผมคิดว่ามันก็ตลกดีที่สุดท้ายเขามีพลังของเฮอร์คิวลิส เพราะมันน่าจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการเลยล่ะ”

นอกจากเรื่องความมั่นใจแล้ว ยังมีบางอย่างที่เขาไม่กล้าบอกใคร และน้องสาวของเขาคือผู้ที่มอบความมั่นใจให้อย่างที่เขาต้องการ “เปโดรจะเป็นคนที่ค่อนข้างเงียบในกลุ่ม” แซนด์เบิร์กกล่าว “ตอนนี้เขาค้นพบตัวเองและในเรื่องนี้เราจะได้รู้จักเขามากขึ้น จากนั้นจะได้เห็นตัวตนของเขาเมื่อเขารู้จักตัวเองมากขึ้น”

ดี.เจ. โคโทรโน่ย้อนกลับมาหาเปโดรเวอร์ชันมีกล้ามหรือซูเปอร์ฮีโร่เปโดร “ผมอดที่จะตื่นเต้นกับการกลับมารับบทในเรื่อง ‘Shazam! Fury of the Gods’ ไม่ได้เลย” เขายิ้ม “ภาคแรกมันน่าทึ่งมาก เป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวที่ดี แซ็ค แจ็ค แอชเชอร์และทุกคนแสดงฝีมือกันอย่างสนุกสนาน ทุกคนที่รับบทซูเปร์ฮีโร่ของครอบครัวมีความโดดเด่นในท้ายที่สุด และมีการบอกใบ้ให้เห็นว่าจะเจอเรื่องอะไรอีกบ้าง ความมั่นใจในทิศทางของหนังเรื่องนี้คือสิ่งที่ทำให้ผมอยากมาร่วมงานด้วย และอยากสร้างความอลังการให้เกิดขึ้นในเรื่อง”

สุดท้ายโคโทรน่าอธิบายว่า “ช่วงแรกของเรื่องเราเข้าใจโลกที่พวกเขาอยู่ตั้งแต่นาทีแรก พวกเขาอยู่ในโลกที่คุ้นเคย เป็นครอบครัวซูเปอร์ฮีโร่อย่างที่เห็น สำหรับผมแล้วความสนุกของเรื่องนี้อยู่ที่ได้เห็นเด็กๆ พยายามประคองชีวิตทั้งสองด้าน และพยายามเรียนรู้การทำงานร่วมกันอย่างสามัคคี ความยิ่งใหญ่ของหนังเรื่องนี้มากกว่าภาคแรกและมีความมหัศจรรยากขึ้น มันมีความสนุกหลายอย่างจากภาคแรก และจะสร้างความน่าทึ่งได้นับพันเท่า”

โคโทรน่าเองก็รักเปโดรในเวอร์ชันที่เข้าถึงวัยรุ่น “ผมตื่นเต้นมากกับการรับบทนี้ เพราะมีความเป็นเด็กหลายมุมที่ผมสัมผัสได้จากช่วงที่ผมยังอายุน้อย” เขากล่าว “ผมคิดว่าเด็กหลายคนที่ขี้อายและรู้สึกไม่มั่นใจพยายามหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และนั่นคือเรื่องยาก ซึ่งเมื่อเด็กคนนี้มีพลังขึ้นมา เขากลายเป็นที่มีพลังวิเศษ เหมือนเป็นพระเจ้าในหลายเรื่องและมีความเข้มแข็ง แต่ความรู้สึกลึกๆ ยังคงไม่อุ่นใจอยู่ ผมคิดว่ามันมีสิ่งที่น่าสนใจในเรื่อง เวลาที่เราต้องรับผิดชอบทุกอย่างและมีพลังวิเศษ มันกระทบต่อสิ่งที่เราเป็นข้างในอย่างไร? เราหวังว่ามันจะเปลี่ยนเราได้ แต่บางครั้งมันก็ไม่ใช่แบบนั้นเลย”

หนึ่งในพี่น้องที่ความสามารถไม่ต่างจากภาคแรกคือยูจีน ชอย ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับเหล่าร้ายหรือการเตรียมตัวสำหรับสอบขับขี่ เมื่อเด็กติดวีดีโอเกมอย่างยูจีนเอ่ยคำว่า “ชาแซม!” ขึ้นมา เขาจะมีพลังวิเศษและความถนัดเรื่องการเล่นเกมของเขาสามารถนำมาใช้ในชีวิตจริงได้ เมื่อเขาต้องแปลงร่างเป็นซูเปอร์ฮีโร่ร่างผู้ใหญ่ 

เอียน เฉินรับบทวัยรุ่นและยืนยันว่า “ยูจีนเป็นคนชอบเล่นเกมและติดวีดีโอเกมมาก เขาคลั่งมันสุดๆ ผมคิดว่าในภาคแรกจะได้เห็นมุมนั้นกันบ้างแล้ว เพราะเขาชอบตะโกนใส่คอมพิวเตอร์ บางครั้งก็ลืมไปเลยว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว แต่เขาจะใช้ความสามารถด้านเทคโนโลยีอย่างเป็นประโยชน์ เหมือนตอนที่เขาแฮ็คระบบรัฐบาลเพื่อช่วยบิลลี่ตามหาพ่อแม่ของเขา"

“ตอนนี้เวลาผ่านไปพอควรแล้ว ผมคิดว่ายูจีนไม่ต่างจากคนอื่นที่ได้พบกับจุดแข็งของตัวเอง” เฉินเลาต่อ “แน่นอนว่ามันต้องแลกกับอะไรหลายอย่างเพื่อให้ได้พลังใหม่ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม แต่เวลาผ่านไป 2 ปีพวกเขาเก็บตัวเงียบมาก และยังสร้างพลังสำหรับบิลลี่ที่ทำอะไรได้หลายอย่างหรือทำไม่ได้เลย พวกเขาต่อสู้กันกับทุกคน ไม่ก็ช่วยเหลือผู้คนทุกคนหรือไม่ช่วยใครเลย”

รอส บัตเลอร์กลับมาสวมชุดซูเปอร์ฮีโร่ของเขาอีกครั้งในร่างซูเปอร์ฮีโร่ยูจีน และเห็นด้วยกับเฉิน “ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้ผู้คนจะสนุกกับการค้นพบว่าเราจะใช้พลังของพวกเราอย่างไร เราอยู่ในร่างนี้กันมานาน 2 ปีแล้ว ต้องใช้พลังของเรา ต้องมีหัวหน้าซูเปอร์ฮีโร่ แน่นอนว่าจะต้องเจอกับเรื่องตลกกันบ้าง และที่ขาดไม่ได้คือฉากแอ็คชั่นแบบจัดเต็ม”

เมื่อคิดถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในตัวยูจีน บัตเลอร์เล่าว่า “เมื่อตัวละครของผมเติบโตขึ้น ผมคิดว่าเพราะเขาอายุมากขึ้นเลยดูมีความฉลาดขึ้น” เขาหัวเราะ “เขาอยู่ในช่วงอายุที่เด็กวัยรุ่นเริ่มดื้อสุดๆ และเริ่มสร้างพื้นที่ของตัวเอง เขามีการเลือกใช้พลังของตัวเอง ตอนนี้เราจะเห็นเด็กพังค์คนนี้ยังคงเล่นวีดีโอเกม ยังคงวนเวียนกับสิ่งหเล่านั้น แต่ตอนนี้เขามีความคิดเห็นกับครอบครัวมากขึ้น พอมาผสมกับพลังที่มีจึงกลายเป็นการผสมผสานที่น่าสนุก”

โดยปกติแล้วเหตุผลสำคัญอยู่ที่พ่อแม่บุญธรรมผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักอย่างวิคเตอร์และโรซ่า วาสเควส์ พวกเขายังคงสนับสนุนสิ่งที่ลูกๆ สนใจ พวกเขาระวังเรื่องความเสี่ยงต่างๆ ที่จะกระทบการเงินของครอบครัว โดยที่ไม่ทันรู้ว่าเด็กๆ สามารถมีพลังเหมือนพระเจ้า และโตมาในร่างซูเปอร์ฮีโร่ต่อสู้กับเหล่าร้าย... หรือทำให้เกิดไฟฟ้าขึ้นในบ้านได้

แน่นอนว่าต้นกำเนิดพลังมาจากขุมพลังวิเศษที่คิดว่าหายไปแล้ว แต่เมื่อเกิดความมหัศจรรย์ขึ้น ใครจะให้นิยามได้ว่าความตายคืออะไร? หลังเวลาผ่านไปนับพันปีในการเฝ้ารอแชมป์ผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ พ่อมดได้เลือกบิลลี่ แบทสัน เด็กวัยรุ่นผู้มีพลังเหมือนพระเจ้าที่แปลงร่างเป็นซูเปอร์ฮีโร่ชาแซมร่างผู้ใหญ่ได้... ก่อนจะทำให้ตัวเองกลายเป็นฝุ่น แต่เมื่อเส้นแบ่งระหว่างเทพกับมนุษย์ถูกทำลายลง พ่อมดต้องพบกับความอ่อนแอและความลึกลับที่ยังคงอยู่ 

ในการกลับมารับบทสำคัญ ไจมอน ฮอนซู เล่าว่า “เราคิดว่าเขาตายไปแล้ว ซึ่งโชคดีที่พวกเขาพาผมกลับมา นั่นคือความมหัศจรรย์ในการเล่าเรื่องราว และผมดีใจมากที่ได้กลับมาอีกครั้งในภาค 2 ของ ‘Shazam’ รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เห็นครอบครัวประหลาดนี้กลับมารวมตัวอีกครั้ง” 

สำหรับฮอนซู บิลลี่เป็นฮีโร่เพียงคนเดียวในเรื่องที่สร้างขึ้นมา “แซ็คโผล่มาในเรื่อง ‘Fury of the Gods’ พร้อมด้วยความกระตือรือร้น เขาคือหัวใจของครอบครัว บนหน้าจอ และเบื้องหลังฉากต่างๆ เรียกว่าเป็นแชมป์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งเลย”

ในเรื่อง “Shazam!” พ่อมดแทบจะสนใจแต่บิลลี่ ครั้งนี้เขาร่วมมือกับเฟรดดี้ได้เป็นอย่างดี “การร่วมงานกับแจ็คเป็นเรื่องที่สนุกมาก เขาทำตัวเป็นกันเองสุดๆ” ฮอนซูหัวเราะ “แต่มีความน่าทึ่งและมีความตลกที่เป็นธรรมชาติ ผมโชคดีมากที่ได้ร่วมงานกับเด็กเหล่านั้นครับ”

“ผมตื่นเต้นมากที่ทุกคนกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เพราะนี่คือกลุ่มที่เจ๋งมาก” แซนด์เบิร์กกล่าว “และพวกเขาก็ทำให้งานของผมในฐานะผู้กำกับฯ ง่ายด้วย ไม่มีเรื่องดราม่าอะไรเว้นจากบนหน้าจอ นั่นคือตอนที่จะมีดราม่าเกิดขึ้นแต่นอกจอมีแต่เสียงหัวเราะและความสนุกสนาน”

ลีวายเล่าว่าสิ่งหนึ่งที่เขารักมากที่สุดในการกลับมารวมตัวกันคือ “ทุกคนมีการเดินทางของตัวเอง เด็กทุกคนมีการเติบโตและตัวตนชัดเจน มีช่วงเวลาที่สร้างความสดใสในเรื่อง และนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเวลาที่มีหลายตัวละคร”

แซนด์เบิร์กอธิบายว่า “เป็นช่วงเวลา 2 ปีแล้ว และพวกเขาก็ถูกยกเป็นฮีโร่มาตลอด แต่ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเขาเสมอไป พวกเขามีปัญหาเรื่องการร่วมงานกัน แม้ว่าจะไม่เคยเจออุปสรรคอะไรมาก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นที่ฟิลาเดเฟียเรียกว่าพวกเขาสร้างความเสียหายมากกว่าปกป้องอะไรได้ด้วยซ้ำไป แต่ตอนนั้นไม่มีเหล่าร้าย โดยเฉพาะไม่มีเหล่าร้ายระดับไม่ธรรมดา ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง”

Shazam! Fury of the Gods หรือ ชาแซม! จุดเดือดเทพเจ้า มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 16 มีนาคม ที่จะถึงนี้

 

สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่ 

ชาแซม จุดเดือดเทพเจ้า

  • 16 March 2023
  • Adventure / แอ็คชัน / ผจญภัย / ตลก /
  • 130 นาที
15+