HIGHLIGHT CONTENT

โปรดิวเซอร์เผยเรื่องราวของหนังแอนิเมชั่นเรื่องใหม่จากจักรวาลหุ่นเหล็ก Transformers: A New Generation

  • 1,016
  • 24 เม.ย. 2023

เผยเรื่องราวของหนังแอนิเมชั่นเรื่องใหม่จากจักรวาลหุ่นเหล็ก

Transformers: A New Generation

 

 

ภาพยนตร์ทรานส์ฟอร์เมอร์สชุดใหม่หลายเรื่องที่มีคิวจะเข้าฉายในช่วงสองถามปีต่อจากนี้ รวมไปถึงภาพยนตร์ไลฟ์แอคชั่นเรื่องใหม่อย่าง Transformers: Rise of the Beasts (2023) หรือ ทรานส์ฟอร์เมอร์ส : กำเนิดจักรกลอสูร ที่จะเป็นการรีบู๊ทย่อม ๆ ของเฟรนไชส์ยักษ์ใหญ่เรื่องนี้ พร้อมกับภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องใหม่ Transformers: A New Generation ที่มีกำหนดจะเข้าฉายในช่วงกลางปีหน้า โดยไม่ได้มีรายละเอียดเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดเผยออกมามากนัก หลังจากที่มีการประกาศสร้างออกมา นอกเหนือไปจากการที่มันจะเป็นเรื่องราวที่มีฉากหลังอยู่บนดาวไซเบอร์ตรอน ส่วนตัวผู้กำกับที่จะเป็น จอช คูลีย์ จาก Toy Story 4 (2019) หรือ ทอย สตอรี่ 4

โดยทางนักข่าวของ Collider ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ โลเรนโซ ดิ โบนาเวนทูรา ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ออกแบบงานสร้างของภาพยนตร์ทรานส์ฟอร์เมอร์สทั้งสองเรื่องที่กำลังจะเข้าฉายนี้ เกี่ยวกับทั้งข้อมูลใหม่ ๆ ของ กำเนิดจักรกลอสูร และภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องใหม่นี้ โดยเมื่อถูกถามว่า แฟน ๆ จะมีโอกาสได้เห็นดาวไซเบอร์ตรอนในภาพยนตร์หรือไม่ ดิ โบนาเวนทูรา ตอบว่า เราจะได้เห็นดาวดวงนี้ ในภาพยนตร์ที่จะพาไปสำรวจต้นกำเนิดของทุกตัวละครหุ่นเหล็กในจักรวาลนี้

ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ ทาง Collider ยังได้ถามถึงข่าวลือเกี่ยวกับการที่ฉากหลังของภาพยนตร์จะอยู่บนดาวไซเบอร์ตรอน และมีอะไรบ้างที่ ดิ โบนาเวนทูรา สามารถเปิดเผยเกี่ยวกับภาพยนตร์ได้บ้าง ดิ โบนาเวนทูรา ตอบว่า เขาสามารถบอกได้ยิ่งกว่านั้น พร้อมกับเปิดเผยรายละเอียดจำนวนมากเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมไปถึงการที่ดาวไซเบอร์ตรอนจะมีบทบาทสำคัญในการที่จะเล่าเรื่องราวต้นกำเนิดของหลายตัวละครที่เป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ

“ผมบอกคุณเกี่ยวกับส่วนที่สำคัญมาก ๆ ของเรื่องราวนี้ได้เลย มันเป็นอะไรบางอย่างที่พวกเราพยายามจะทำ เราพูดคุยเรื่องนี้กันเยอะมากในเวอร์ชั่นไลฟ์แอคชั่น และก็กลายเป็นว่ามันเป็นไปไม่ได้ในทางการเงิน ซึ่งก็คือ เรื่องราวในวัยหนุ่มของเมกะทรอนและออพติมัส ถ้าหากคุณรู้เรื่องราวต้นฉบับ พวกเขาเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนกัน และความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจะค่อย ๆ แย่ลง จนกระทั่งกลายมาเป็นสองฝั่งตรงกันข้ามกัน ดังนั้นเเราจะบอกเล่าเรื่องราวของเมกะทรอนและออพติมัสในวัยหนุ่ม เราอยากที่จะบอกเล่าเรื่องราวต้นกำเนิดของเหล่าทรานส์ฟอร์เมอร์ส ทั้งจุดเริ่มต้นของทั้งสอง ตอนที่พวกเขาเติบโต จนถึงในตอนที่พวกเขาแยกทางกัน”

ดิ โบนาเวนทูรา ยังบอกอีกด้วยว่า เขาเชื่อมั่นว่าเรื่องราวที่พวกเขาจะเล่ามีโอกาสที่จะเป็นไตรภาค ด้วยการที่มีภาพยนตร์หลายภาคแล้วที่ถูกวางแผนเอาไว้แล้ว

“เราหวังว่ามันจะสามารถกระตุ้นอารมณ์ได้มากพอที่จะทำแบบนั้นได้ ซึ่งนั่นมันจะนำไปสู่ไตรภาคได้ เพราะว่าโดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่ามันเป็นไตรภาคโดยธรรมชาติ ผมไม่ได้คิดที่จะทำหนังหลายภาคอยู่ตลอดเวลา แต่มันมีธรรมชาติของการเป็นไตรภาคอยู่ในความสัมพันธ์ของพวกเขา ดังนั้นคุณจะได้เห็นดาวไซเบอร์ตรอนในแบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นมุมที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน เพราะว่าเรากำลังทำแอนิเมชั่น เราพร้อมที่จะเดินหน้าอย่างเต็มที่ ซึ่งถ้าหากคุณอยากที่จะทำมันในแบบไลฟ์แอคชั่น บางทีมันก็อาจจะต้องเป็นภาพยนตร์ที่มีใช้เงินทุนร้อยล้าน หรืออะไรแบบนั้น”

เขายังเปรียบเทียบการล่มสลายของดาวไซเบอร์ตรอนกับการระเบิดของดาวคริปตัน และก็ต้องบอกด้วยว่าออพติมัส ไพรม์และเมกะทรอนที่จะได้เจอในหนังเรื่องนี้ จะไม่ได้เป็นตัวละครเดียวกันกับที่เราได้เห็นกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เพราะว่าพวกเขากำลังอยู่ในช่วงที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นตัวละครที่ผู้ชมรู้จักกันทุกวันนี้

“คุณจะได้เห็นต้นกำเนิดและสังคมของพวกเขาเยอะมาก รวมไปถึงสิ่งที่ทำให้มันแตกแยกออกจากกัน ผมเปรียบเทียบว่ามันก็แอบเหมือนกับดาวคริปตัน ในตอนที่คุณเห็นมันแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เราไม่ได้อยู่ที่นั่นแค่ชั่วคราวด้วย เราอยู่ที่นั่นในหนังเกือบทั้งเรื่อง เราอยู่บนดาวไซเบอร์ตรอน แต่เราก็รู้สึกท้าทายกับมันนะ ถ้าคุณรู้ตำนาน พวกเขาเริ่มตั้งคำถามชนชั้นปกครองว่า สังคมของพวกเขาแบ่งชนชั้นกันแบบนี้ได้อย่างไร และเพราะเหตุใดคนปกติธรรมดาถึงไม่มีสิทธิไม่มีเสียง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ เราจะตามรอยเรื่องราวที่ซื่อตรงที่สุดกับต้นฉบับของมัน และมันสนุกมากจริง ๆ แน่นอนเพราะว่าผมได้เห็นบางส่วนของมันแล้ว มันไม่ได้ถูกทำขึ้นด้วยข้อกำจัดการจินตนาการใด ๆ แต่การที่ได้ยินว่า ออพติมัสและเมกะตรอน ไม่ใช่คนเดียวกันกับที่เรารู้จักพวกเขา ซึ่งเราจะได้เห็นการเติบโตเป็นผู้ใหญ่พวกเขา ซึ่งก็สมเหตุสมผลดี คุณจะได้รู้จักกับตัวละครที่แตกต่างออกไป เพราะว่าคุณจะได้รู้จักพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่”

ดิ โบนาเวนทูรา ยังพูดปิดท้ายอีกด้วยว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องราวของการเติบโตจากเด็กไปเป็นผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันจะเป็นการมองเห็นหนุ่มน้อยสองคนเติบโตไปเป็นคนที่พวกเขาจำเป็นที่จะต้องเป็น

“มันไม่ใช่เรื่องราวของการเติบโตจากเด็กไปเป็นผู้ใหญ่ ผมไม่คิดว่าคุณจะเชื่อที่ผมพูดหรอก แต่ผมก็อยากจะบอกว่า พวกเขาคือหนุ่มน้อยที่กำลังค้นหาเส้นทางของตนเอง เหมือนกับที่ผมบอกไปแล้ว นี่มันไม่ใช่แค่การบอกใบ้ มันคือเรื่องราวทั้งหมด และนั่นจะเป็นประสบการณ์ที่คุณจะได้พบเจอ    และวิธีการที่พวกเขาตั้งคำถามต่อสังคม เหมือนกับที่พวกเราทุกคนตั้งคำถามเกี่ยวกับสังคมของเรา พวกเราอาจจะไม่แข็งแกร่งเหมือนกับ เมกะตรอน และ ออพติมัส ดังนั้น เราอาจจะไมาได้เลือกทางเลือกเดียวกับพวกเขา แต่ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นอะไรที่เปิดหูเปิดตาสำหรับแฟน ๆ ส่วนคนที่ไม่ใช่แฟนคลับ คุณก็จะได้เห็นหลายตัวละครในรูปแบบเริ่มต้นของพวกเขา”

ด้วยความเป็นไปได้ที่ภาพยนตร์อาจจะกลายเป็นไตรภาค ดิ โบนาเวนทูรา ก็ได้พูดถึงวิธีการที่จะทำมัน ในขณะที่พวกเขามีแผนการมากมายสำหรับเรื่องราวต่อ ๆ ไป พวกเขาก็ยังให้ความสำคัญกับการที่จะทำให้มันใจว่าภาพยนตร์ภาคแรกจะประสบความสำเร็จ

“ผมจะบอกอย่างงี้นะ พวกเราไม่ได้คิดถึงภาคที่สองและสามมากนัก เพราะว่ามันก็ยากอยู่แล้วที่จะทำภาคเดียวให้ออกมาดี แต่มันมีความเป็นธรรมชาติของไตรภาคที่ออกมาจากมิตรภาพนี้ ซึ่งเป็นจุดที่คุณจะได้เห็นการแบ่งแยกและความเป็นไปได้ของการดึงดูดเข้าหากันและกัน และนั่นควรจะออกมาเป็นหนัวสามเรื่อง มันเป็นธรรมชาติมาก ๆ ดังนั้น เราถึงมีความรู้สึกที่ดีมากเกี่ยวกับอะไรอีกหลายอย่าง แต่ในอะไรหลาย ๆ อย่างนี้ เรารู้ว่าหนังภาคที่สองจะเกี่ยวกับอะไร และหนังภาคที่สามจะเป็นมุมมองเกี่ยวกับสิ่งที่ความสัมพันธ์นี้ได้ผ่านมาก ส่วนเรื่องราวที่แน่นอนนั้น เรายังไม่ได้ทำมัน แต่เกี่ยวกับการที่ความสัมพันธ์พัฒนาและถดถอยสลับกันไปมา นั่นจะเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนเรื่องราวของมัน ถ้าหากว่าเราโชคดี ถ้าหากว่าภาคแรกประสบความสำเร็จ”

แอนิเมชั่นเป็นส่วนสำคัญของเฟรนไชส์ทรานฟอร์เมอร์สมาโดยตลอด แต่ภาพยนตร์ขนาดยาวที่เป็นแอนิเมชั่นได้ห่างหายจากจอภาพยนตร์ไปเป็นเวลานาน แม้ว่าจะมีแอนิเมชั่นซีรีส์ออกมาบ้างในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ โดยล่าสุดก็คือ Transformers: Earthspark (2022-) ส่วนภาพยนตร์แอนิเมชั่น Transformers: A New Generation จะเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องแรกในเฟรนไชส์ นับตั้งแต่ The Transformers: The Movie (1986)

Transformers: A New Generation มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 18 กรกฎาคม 2024

 

สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่ 

ขอบคุณข้อมูลจาก Collider

ทรานส์ฟอร์เมอร์ส 1

  • 26 September 2024
  • Adventure / แอ็คชัน / ผจญภัย / แอนิเมชัน /
  • 0 นาที
15+