HIGHLIGHT CONTENT

“ดิเอโก คาลวา” พูดถึงบรรยากาศในกองถ่ายภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ “Babylon”

  • 986
  • 21 ธ.ค. 2022

ภาพยนตร์ความยาวกว่าสามชั่วโมงของผู้กำกับ Damien Chazelle ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับด้านมืดของฮอลลีวูดในยุคแรกที่เริ่มมีภาพยนตร์เสียง เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจจากทั้งยุคสมัยที่จะนำเสนอและสเกลขนาดใหญ่ในระดับที่ยากจะเลียนแบบ หนึ่งในนักแสดงอย่าง Diego Calva ได้เล่าถึงประสบการณ์ในกองถ่ายดังกล่าวที่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาเลย

“พวกเราไม่ใช่ทหาร” เขาพูดพร้อมกับหัวเราะ

“ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่าการอยู่ในห้องกับคน 800 คน ที่จะออกมาเป็นสถานการณ์ที่เงียบสงบได้ยังไง มันยุ่งเหยิงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันก็มีความสวยงามของความโกลาหลที่เป็นระบบระเบียบนะ”

นักแสดงเชื้อสายแม็กซิกันรับบทเป็น Manny ลูกจ้างที่ต้องอดทนกับทางตันในธุรกิจบริการก่อนที่จะหันไปทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ในฮอลลีวูในช่วงท้ายของทศวรรษ 1920s จนถึงช่วงต้นของทศวรรษ 1930s ซึ่งกว่าจะได้รับบทใหญ่เช่นนี้ เขาต้องรอกว่าครึ่งทศวรรษนับตั้งแต่แสดงในภาพยนตร์ I Promise You Anarchy (2015) และซีรี่ส์ Narcos: Mexico (2018-2021) โดยภาพยนร์ที่เป็นจุดเปลี่ยนในอาชีพของเขาเรื่องนี้ เพิ่งได้รับการเสนอชื่อเขาชิงรางวัลลูกโลกทองคำไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเมื่ออยู่ในกองถ่าย เขาสัมผัสได้เลยว่ากำลังเข้าสู่โลกใบใหม่ และผู้กำกับของเขาก็คาดหวังว่าเขาจะทำผลงานให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ

“ทุกคนวิ่งวุ่นกันไปหมด ไปทุกหนทุกแห่ง” นักแสดงหนุ่มเผย

“นี่คือสิ่งที่ Damien [Chazelle] สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ ในการที่จะเชื่อมโยงทุกคนเข้าด้วยกัน ถึงแม้ว่าจะมีคนเป็นพันคนในฉากพร้อมกันก็ตาม”

Calva ยังบอกอีกด้วยว่าเขาไม่ต้องแสดงมากบทบาทนักในช่วงแรกที่ตัวละคร Manny ปรากฏตัวออกมา

“ผมอยากจะเล่าเรื่องที่เราได้มาพบกันในวันแรกที่กองถ่ายในฮอลลีวูด”

“วันแรกของผมก็เหมือนวันแรกของตัวละครที่ผมจะเล่นเป็น ดังนั้นความตกใจบนใบหน้าที่พวกคุณจะเห็น ทั้งใบหน้าของผมเองหรือบนใบหน้าของ Manny มันคือความตกใจจริง ๆ ของผม พวกเรา [Calva กับ Manny] แบ่งปันประสบการณ์ใหม่ ๆ ร่วมกัน ทั้งการได้เจอกับ Brad Pitt ทำงานร่วมกับ Margot Robbie และทำงานร่วมกับ Damien และในกรณีนี้ก็คือการทำงานกับ Nellie [ตัวละครของ Margot Robbie] and Jack [ตัวละครของ Brad Pitt]”

โดยเขายังคงปรับตัวเข้ากับความยิ่งใหญ่ของโปรเจคนี้อยู่ เขาพูดเสริมเกี่ยวกับประสบการณ์ของเขาว่า “มันเยี่ยมมากเลยที่ได้พูดอะไรแบบนี้ออกมา”

ในฉากที่เขาต้องร่วมซีนกับ Margot Robbie ที่รับบทเป็น Nellie LaRoy ดาราหนังเงียบผู้ไม่อยู่ในกรอบซึ่ง Manny ตกหลุมรัก Calva ก็ไม่ได้พูดอ้อมค้อมเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

“ผมกลายเป็นนักแสดงจริง ๆ ที่ต้องร่วมงานกับเธอ” เขาพูด

“มันท้าท้ายมาก ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความพิเศษ ผมไม่รู้ว่าอะไรแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกรึเปล่า มันมีความเชื่อมโยงอะไรแบบนั้นอยู่ ผมหวังว่านะ”

นักแสดงวัย 30 ปียังเชิดชู Brad Pitt ผู้รับบทเป็นดารามากประสบการณ์ Jack Conrad ที่เป็นอาจารย์ของ Manny

“เขาเคยเป็นทั้งคนทำหนัง, นักแสดง และอยู่ในวงการมานานจนเขารู้ได้เลยว่าเมื่อไหร่คุณตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก” นักแสดงหนุ่มพูด

“แม้ว่าคุณจะพยายามซ่อนมันแล้วก็ตาม แบบว่า ‘ไม่, ไม่, ไม่, ผมสบายมาก, ผมสบายมาก, ผมสบายมาก’ ไม่เลย เขาก็ยังรู้อยู่ดี”

โดยสำหรับเขาแล้ว Brad Pitt เป็นผู้มอบคำแนะนำที่ไว้ใจได้เมื่ออยู่ในฉาก “ผมจำได้ว่ามีวันหนึ่งที่เขาเข้ามาหาผมแล้วบอกบางอย่างที่มีประโยชน์ อะไรแบบนี้จากนักแสดงถึงนักแสดงอีกคนเป็นอะไรที่สำคัญมาก”

“ปกป้องสิ่งที่นายสร้างขึ้นมาและเชื่อสัญชาตญาณของนาย แล้วถ้านายต้องตัดสินใจ เลือกแล้วไปให้สุดเลย อย่ากลัว อย่าไขว้เขว”

มันเป็นคำแนะนำที่นักแสดงหนุ่มต้องการเมื่อต้องแสดงในครึ่งหลังของภาพยนตร์ ในตอนนี้ที่ Manny เริ่มประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นอะไรที่เขาอาจจะไม่เคยพบเจอด้วยตนเอง

“ผมไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง ยกตัวอย่างเช่น การต้องกำกับกองถ่ายฮอลลีวูดทั้งกอง” เขาบอก

“Manny ทำมันได้ และเขาก็ได้ทำบางอย่างพลาดไปรวมไปถึงทรยศเพื่อนบางคน แต่ในตอนท้ายแล้ว เขาก็ทำมันได้ เขาแตกต่างจากผมในหลาย ๆ สถานการณ์ และหลากหลายเหตุการณ์ในชีวิตของผมที่เคยผ่านมา ทำให้ผมคิดว่าผมอยากที่จะเป็น Manny อยู่เหมือนกัน”

อีกอย่างหนึ่งที่ช่วยเหลือ Calva คือผู้กำกับรางวัลออสการ์ Damien Chazelle ที่จะบอกทิศทางกับเขาอย่างเฉพาะเจาะจง แต่ก็ยังเหลือเวลาให้เขาได้เพิ่มการแสดงของตัวเองเข้าไปหรือแม้กระทั่งด้นสด

“เขารู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เขารู้ว่าตัวเองกำลังมองหาอะไร และเขาก็ยังรู้วิธีการที่จะเอาสิ่งเหล่านั้นออกมาจากตัวคุณ และพาคุณไปในที่ที่เขาต้องการ หรือเพิ่มพลังให้คุณ เขารู้วิธีการที่จะนำทางนักแสดง แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็เปิดกว้างมาก”

มีครั้งหนึ่งที่ Chazelle บอกให้นักแสดงของเขาลืมตาให้กว้างขึ้นกว่านี้อีก แต่อีกไม่นานเขาก็ถามว่า “กำลังอยากลองทำอะไรอยู่เหรอ?” เขายังเสริมด้วยว่าการแสดงเป็น Manny “เป็นการผจญภัยที่แตกต่างกันออกไปในทุกวัน มันมีอารมณ์และสถานการณ์ที่แตกต่างกันไปในทุกวัน”

แม้ว่าตอนนี้เขาก็กำลังกลายเป็นผู้ถูกเสนอชื่อเขาชิงลูกโลกทองคำในสาขานักแสดงชายยอดเยี่ยม เขาก็บอกว่าในตอนนี้เขายังอยู่ในสถานการณ์แบบ Manny อยู่

“ผมจำได้ว่ายืนอยู่นอกปาร์ตี้ใหญ่ในฮอลลีวูดครั้งหนึ่ง ผมเอง, Diego Calva แล้วก็มีใครคนหนึ่งโยนกุญแจรถมาให้ผม แบบว่า ‘เฮ้, เด็กจอดรถ, เอาไปสิ’” เขาพูด “แล้วผมก็แบบว่า ‘โว้ว, มันคงเหมือนสถานการณ์ของ Manny สักครั้งหนึ่งสินะ””

ในขณะเดียวกันขณะที่อยู่ในงานเลี้ยงของการประกาศรางวัลสักที่หนึ่ง ดาราหนุ่มจาก Mexico City ก็ได้เจอฮีโร่ของเขาบางคนอย่างเช่น Guillermo del Toro (The Shape of Water) และ Alejandro G. Iñárritu (The Revenant) ในความทรงจำของเขา ฮีโร่ของเขาทั้งสองคนบอกกับเขาคล้ายกันว่า “โอ้, นายเป็นเด็กใหม่เหรอ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ติดต่อพวกเราได้ ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราคนแม็กซิกัน พวกเราเป็นครอบครัวกัน”

ขณะที่เขากำลังกังวลว่าการมีชื่อเสียงไปมากกว่านี้จะส่งผลกระทบกับครอบครัวของเขา เขาก็ต้องการที่ใช้การชื่อเสียงของเขาในการจะที่จะยังคงอยู่ใกล้ชิดกับรากของวัฒนธรรมของตนเอง และเล่าเรื่องราวที่มีความหมายกับเขาพอ ๆ กับที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ต่อกับผู้กำกับ Damien Chazelle

“ผมต้องการความท้าทาย แต่ไม่เฉพาะในแบบที่ว่า ‘ไปตะลุยอวกาศกันเถอะ!’ สิ่งที่ผมหมายถึงคือ ผมอยากที่จะทำมันนะ แต่มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากว่าใครจะเป็นคนเล่าเรื่องนี้และเพราะอะไร” เขาพูดต่อว่ายังไม่ปิดประตูที่เชื่อมโยงกับรากของเขา

“ผมก้าวเท้าข้างหนึ่งเข้าสู่ฮอลลีวูดแล้วตอนนี้ และผมได้ถูกรับเชิญไปยังปาร์ตี้ฮอลลีวูดที่แสนสวยงาม” เขาพูด

“ผมวางแผนที่จะอยู่ที่นี่เพื่อทำงานร่วมกับผู้คนที่ผมชื่นชม ที่ผมเคยฝันว่าจะได้ร่วมงานด้วยเมื่อยังเป็นเด็ก แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็อยากจะสร้างอาชีพของผมกลับไปในละตินอเมริกาด้วย และเพื่อไปสู่แม็กซิโกและบอกเล่าเรื่องราวที่มีความหมายกับผมในหลาย ๆ ด้าน”

อย่างไรก็ตาม เขาก็คิดไปไกลกว่าประเทศบ้านเกิดของตัวเอง “มันมีปัญหาบางอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ปัญหาบางอย่างในประเทศของผม, ปัญหาบางอย่างในอาร์เจนตินาและโคลอมเบีย” เขาพูด

“ผมแค่อยากจะกลับไปหาผู้ชมชาวสเปนและแสดงหนังต่อไป” เมื่อถูกถามว่ามีเหตุผลอะไรหรือไม่ที่ยังอยากจะทำงานในละตินอเมริกาอยู่ เขาก็บอกว่า

“มันเป็นเรื่องที่สวยงามนะที่จะได้แสดงหนังด้วยการใช้ภาษาของตัวคุณเอง”

Babylon ที่มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 19 มกราคม 2023


 

สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่ 

ขอบคุณข้อมูลจาก IndieWire

บาบิลอน

  • 19 January 2023
  • Adventure / ตลก / ชีวิต /
  • 188 นาที
15+