"ผมไม่ได้อยากเป็น 'เดอะ ร็อค' คนต่อไป" เรื่องราวของประสบการณ์ในฮอลลีวูดของ "เดฟ เบาทิสตา"

"ผมไม่ได้อยากเป็น 'เดอะ ร็อค' คนต่อไป"

เรื่องราวของประสบการณ์ในฮอลลีวูดของ "เดฟ เบาทิสตา"

 

 

หลังจากอำลาวงการมวยปลํ้า WWE อย่างถาวรมาสู่บทใหม่ในแวดวงภาพยนตร์ในปี 2019 Dave Bautista ก็เล่าถึงได้รับคำแนะนำจากเพื่อนเก่าในวงการอย่างอย่าง ‘Stone Cold’ Steve Austin ที่บอกกับเขาไว้ว่า

“นายจะโดนเสนอให้รับบทหนังห่วย ๆ ถึงเงินมันจะล่อตาล่อใจนาย แต่ก็อย่าไปตกหลุมพรางมัน”

แม้ว่าจะไม่ใช่คำแนะนำที่ง่ายนัก กับการที่เขาต้องหารายได้เพื่อชดเชยเงินที่หายไปจากการเลิกเป็นนักมวยปลํ้า แต่นักแสดงชาวอเมริกันก็ยังยืนยันที่จะเลือกหนังที่เขาจะไปปรากฎตัวในนั้นอย่างพิถีพิถัน เพราะว่ามันจะเป็นประโยชน์มากกว่ากับประสบการณ์ในระยะยาวที่เขาจะได้รับจากบทบาทเหล่านี้

นักแสดงวัย 53 ปีเริ่มมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ขึ้นมาจากบทเล็ก ๆ ร่วมกับ Vin Diesel ใน Riddick (2013) ก่อนที่จะมารับบท Drax the Destroyer ใน Guardians of the Galaxy (2014) ซึ่งเป็นบทที่ทำให้เขาได้เรียนรู้ที่จะพัฒนาฝีมือการแสดงในการเป็นนักฆ่าอารมณ์แปรปรวน ผู้มีหัวใจอันงดงามและความรู้สึกที่ลึกซึ้ง

หลังจากนั้นอีกไม่นาน เขาก็ได้รับบทเป็นคู่ปรับของ James Bond ใน Spectre (2015) จะมาประมือกับ Ryan Gosling ใน Blade Runner 2049 (2017) และล่าสุดในบทของยูทูปเปอร์จอมโม้ใน Glass Onion: A Knives Out Mystery (2022)

“ผมหมกมุ่นอยู่กับมัน”

“นี่เป็นปริศนาที่ผมไม่สามารถไขได้ คุณไม่รู้หรอกว่าที่มันถูกคือยังไง แต่บางครั้งก็แค่รู้สึกว่ามันใช่ ผมไม่ได้เจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อย ๆ นะ แต่นานเมื่อไหร่ที่เจอมัน สำหรับผมมันคือสิ่งที่ไม่มีอะไรเหมือน เหมือนอาการไฮโดยธรรมชาติ มันคือการเสพติด” เขากล่าว

และเมื่อเขาต้องการที่จะมุ่งไปสู่การแสดงในระดับถัดไป ก็ถึงเวลาที่เขาจะอำลาจักรวาลมาร์เวลไปพร้อมกับบทบาทของ Drax หลังจากเวลาผ่านมาถึงเก้าปีกับภาพยนตร์จำนนวนหกเรื่องใน Guardians of the Galaxy Vol. 3

“ผมรู้สึกยินดีกับ Drax ผมรักเขานะ”

“แต่มันก็เป็นความรู้สึกโล่งใจ [ที่มันจบลงไปเสียที] เพราะว่ามันก็ไม่ได้สบาย ๆ ขนาดนั้น การรับบทบาทนี้มันยาก ผมเหนื่อยกับช่วงแต่งหน้ามาก และผมก็ไม่แน่ใจว่าจะอยากให้ผู้คนจดจำผมในบทบาท Drax ดีรึเปล่า เพราะว่ามันดูเป็นการแสดงที่ออกจะงี่เง่า และผมอยากที่จะทำอะไรที่มันดราม่ามากกว่านี้”

สิ่งหนึ่งที่เป็นที่สังเกต ว่าด้วยรูปร่างภายนอกและผลงานในวงการมวยปลํ้าของเขา มันน่าจะง่ายกว่าที่เขาจะมารับบทเป็นหนุ่มกล้ามโตไร้สมองในหนังแอคชั่นสักเรื่อง แต่การทำงานร่วมกับผู้กำกับชั้นนำอย่าง Denis Villeneuve (Blade Runner 2049), Rian Johnson (Dune), Sam Mendes (Spectre) และ James Gunn (Guardians of the Galaxy) ก็ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงฝีมือการแสดงของเขาแล้ว

“ผมไม่เคยอยากที่จะเป็น เดอะ ร็อค คนต่อไป” เขาพูดอย่างเรียบง่าย

“ผมแค่อยากที่จะเป็นนักแสดงที่เจ๋ง นักแสดงที่ได้รับการเคารพในฝีมือการแสดง”

“ผมไม่กังวลกับการแสดงเลย มันเหมือนกับผมเล่นมวยปลํ้ากับตัวเอง ผมรักมัน และโหยหามันอยู่ตลอด” เขากล่าวถึงอาชีพนักแสดงของเขาที่เดินทางมาจนถึงในตอนนี้

นอกเหนือไปจากบทบาทใน Guardians of the Galaxy Vol. 3 และ Dune: Part Two ที่จะมาถึงในช่วงปีนี้ ในเดือนหน้าเขาจะได้รับสวมบทบาทเป็นหัวหน้าลัทธิแปลกประหลาดในภาพยนตร์ระทึกขวัญของผู้กำกับ M. Night Shyalaman ที่มีชื่อว่า Knock at the Cabin ซึ่งผู้กำกับลูกครึ่งอินเดียถึงกับเอ่ยปากชมว่า การได้รวมงานกับอดีตนักมวยปลํ้าคนนี้ทำให้เขาย้อนไปถึงภาพยนตร์ทริลเลอร์เรื่องแรกของเขาอย่าง The Sixth Sense (1999)

“มันเหมือนกับตอนที่ทำงานกับ Haley Joel Osment ใน The Sixth Sense มากยิ่งกว่าอะไรอีก” เจ้าพ่อหนังระทึกขวัญกล่าว

“เมื่อ Haley เข้ามาในฉากเหมือนว่าทุกคนจะให้ความเคารพเขา ถึงแม้ในตอนนั้นเขาจะยังอายุแค่ 10 ขวบก็เถอะ ทุกเซลล์ในร่างกายของเขากำลังแสดงอารมณ์ของตัวละคร​ Dave ทำให้ผมรู้สึกแบบเดียวกัน นักแสดงคนอื่นได้รับพลังจากความบริสุทธ์ที่อยู่ในความมุ่งมั่นของเขา มันเหมือนการติดเชื้อระหว่างกันในทางที่ดี”

โดยใน Knock at the Cabin ถือเป็นก้าวสำคัญในการรับบทนำในภาพยนตร์ของเขา ซึ่งเขาไม่เคยทำมาก่อนเลย

“จนถึงตอนนี้มันน่าจะเป็นหนังที่ผมพูดเยอะที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลย” นักแสดงผู้เกิดใน Washington D.C. กล่าว

ซึ่งเขาก็ตีบทดังกล่าวแตกกระจาย จากการที่ Shyalaman ได้เคยเอ่ยปากเกี่ยวกับการแสดงของเขาในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวไว้ว่า “เป็นการปฏิวัติวงการ”

Knock at the Cabin มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้

 สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่ 

ขอบคุณข้อมูลจาก GQ