HIGHLIGHT CONTENT

พวกมันอยู่ทุกที่! วิธีการถ่ายทำเนรมิตความหลอนให้ผงาดสุดสยอง ใน Evil Dead Rise

  • 695
  • 18 เม.ย. 2023

 

 

พวกมันอยู่ทุกที่! วิธีการถ่ายทำเนรมิตความหลอน

ให้ผงาดสุดสยอง ใน Evil Dead Rise

 

เมื่อเข้าสู่การถ่ายหนังของโครนิน ผู้กำกับภาพฯ การ์เบ็ตต์รับหน้าที่เรียกพวกสัตว์มาให้ได้มากที่สุด (หรือความสยองที่อยู่ในผนัง) บนหน้าจอ เขาเล่าว่า “ฉากส่วนใหญ่มีความซับซ้อนมาก เพราะมีทั้งการผสมการแต่งหน้า การแต่งหน้าเทียม การแสดงตอบโต้กับแสงไฟ วิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ และการเคลื่อนไหวมุมกล้องที่ต้องถ่ายทำสอดคล้องกันในแต่ละฉาก เราไม่อยากใช้วิชวลเอ็ฟเฟ็กต์สำหรับการเคลื่อนไหวร่างปีศาจของเรา เราเลยเลือกใช้พวกลวดสลิงมาควบคุมการขยับเพื่อสร้างมิติให้นักแสดง นักแสดงผาดโผน  และผู้ควบคุมการเคลือนไหว บางครั้งเราใช้เทคนิค ‘บนหน้าจอ’ แบบสมัยก่อนด้วยซ้ำ เช่น การใช้วิธีหักเหแสง [ฟิลเตอร์ที่โฟกัสเพียงครึ่งเลนส์] ลีอยากให้ทุกฉากมีความโดดเด่น เราเลยมักไม่ค่อยใช้การถ่ายทำที่ซ้ำกัน ทุกฉากถูกออกแบบเฉพาะตัวเพื่อการถ่ายทอดเรื่องราว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญ” 

 

สำหรับฉากพิเศษที่ต้องถ่ายทอดความสยองที่เกิดขึ้นบนทางเดิน โครนินเลือกใช้ “ไม้” โดยที่ผู้เขียนบทฯ / ผู้กำกับฯ และตากล้องพัฒนามุมมองฉากนั้นขึ้นมาเป็นพิเศษ “ผมคิดว่าเราอยู่ในโลกที่ทุกคนอยู่ในพื้นที่เล็กๆ” โครนินกล่าว “ความสยองอยู่นอกประตูและผมอยากให้มันเข้าไปเคาะถึงหน้าประตู... นั่นคือเหตุผลที่ผมพัฒนาช่องสำหรับมองตรงประตูขึ้นมา มันเป็นช่องเล็กๆ ที่เราจะมองออกไปได้ ทุกความสยองเกิดขึ้นหน้าประตูห้องของครอบครัว บริเวณพรมหน้าประตูสำหรับใช้ต้อนรับ กลับมีแต่เลือด แขนขา และเรื่องราวความวุ่นวาย”

 

กองถ่ายเลือกใช้อุปกรณ์ที่จะช่วยโครนินสำหรับการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพ ไรมี่เล่า “เราสามารถติดตั้งเทคโนโลยีล่าสุดของลีในฉากได้ ตั้งแต่กล้องไปจนถึงเสียง เราไม่เคยผสมผสานเรื่อง ‘Evil Dead’ ในรูปแบบ 7.1 Dolby มาก่อนเลย”

 

 

สำหรับผู้กำกับฯ การ์เบ็ตต์เล่าว่า “ลีเป็นผู้ชำนาญไร้ที่ติและเป็นนักเล่าเรื่องที่มีความละเอียดรอบคอบ เขาชอบชักชวนผู้ชมผ่านเรื่องราวในภาพยนตร์ พบทั้งความเซอร์ไพรส์และความตกใจที่เกิดขึ้นตอนนั้น เขาอยากให้หนังดูหดหู่ แต่ก็ต้องมีความงดงามและน่าชื่นชม บรรยากาศต้องดูสมจริงแต่ก็ต้องน่ากลัวสุดขีด”

 

บางทีอาจไม่มีอะไรที่ตัวละครได้พบเจอไปมากกว่าเลือดอีกแล้ว ทั้งจากความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม “เลือด” มาจากผู้ควบคุมสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ เบร็นแดน ดูเรย์ (และสร้างขึ้นโดยผู้ออกแบบการแต่งหน้าเทียมและการแต่งหน้าเอฟเฟ็กต์ ลุค โพลติ) บริษัทของดูเรย์เคยร่วมงานกับกองถ่ายของทาเพิร์ตตั้งแต่ปี 1990 และมันมีการใช้เลือดเยอะมาก

 

ดูเรย์อธิบาย่า “การผสมเลือดมีการพัฒนาไปเยอะมาก เรามีอะไรต้องทำหลายอย่างและต้องสร้างเลือดขึ้นมาหลายแบบ รวมถึงเลือดของแวมไพร์ด้วย ช่วงเวลาหลายปีเรามีส่วนผสมที่ลงตัมาก ทำให้เลือดอยู่ตัว มีสีสันที่เข้ม แต่เราก็ต้องผสมสีสว่างลงไปด้วย สำหรับเวลาที่ใส่สีเยอะไปและต้องใช้เกี่ยวกับภายใน สำหรับเรื่อง ‘Evil Dead Rise’ เราพบว่าส่วนผสมของเราไม่ลงตัวกับปริมาณความต้องการในเรื่อง เราต้องศึกษาหาข้อมูลและพัฒนาขึ้นมาจนได้สูตรใหม่”

 

สูตรที่ว่านั้นผลิตเลือดขึ้นมาได้มากกว่า 6,500 ลิตร นั่นคือจำนวนรวมที่ใช้สำหรับการถ่ายทำเรื่อง “Evil Dead Rise” (เปรียบเทียบได้ว่ามนุษย์ปกติจะมีเลือดราว 5 ลิตร... ตำนวณแล้วเท่ากับจำนนร่างกายราว 1,300+ คน)

 

เมื่อได้เลือดตามที่ต้องการ แขนขาที่ถูกฉีกกระจายคือสิ่งที่สร้างความท้าทายในฉากใหม่ ดูเรย์เล่าว่า “สำหรับอุปสรรคสำคัญในฉากเวลาที่เราต้องฉีดพ่นเลือดทั่วทิศทาง เราต้องทำให้เลือดมีความเหนียวข้นพอเหมาะ มีการใช้หม้อแรงดันและหลอดฉีดพ่นเลือดขนาดที่ต่างกัน ต้องมีการทดลองว่าแบบไหนถึงจะลงตัว จากนั้นจึงทดสอบต่อหน้าลีเพื่อให้ตรงกับที่เขาคิดเอาไว้ แต่ละวันมีทั้งความสำเร็จและผิดพลาดสูงมาก เมื่อเราเริ่มสาดเลือดใส่นักแสดงแล้ว มันต้องใช้เวลาพอควร และต้องมีการทำความสะอาดหลังจากนั้นอีก เราทดลองกันให้ได้มากที่สุดก่อนจะเริ่มการถ่ายทำ”

 

 

แดนนี่ ตัวละครของเดวีส์ต้องแปลงสภาพหลังจากที่กลายเป็นผีดิบ และนักแสดงต้องใช้เลาแต่งหน้านานหลายชั่วโมง รวมถึงมีการ “ทดลองเลือด” เขาจำได้ว่า “ผมไม่เคยแต่งหน้าเทียมมาก่อนเลย ผมต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้นานราว 5 ชั่วโมง มันไม่ใช่เรื่องยากที่สุดบนโลก ทีมงานแต่งหน้าเทียมน่าทึ่งมากครับ ส่วนที่ยากคือพวกเลือด มันเหนียวและเปื้อนไปทั่วทุกที่ แม้เราจะระวังแค่ไหนมันก็ติดทั่วทุกที่ไม่ว่าจะหัวหรือลำตัว สิ่งที่น่าตื่นเต้นมากคือเรามีแขน ขา หัวอยู่ทั่วทั้งฉากจนกลายเป็นเรื่องปกติ ผมเริ่มชินกับมันแล้ว เพราะผมเองก็เป็นแฟนหนังสยองขวัญ แต่มันกลายเป็นเรื่องลำบากใจเวลาที่ต้องจับชิ้นส่วนแขน แต่หลังจากนั้นก็รู้สึกธรรมดา และผมก็แกล้งทุกคนเพราะผมอยากเก็บแขนเทียมของผมเอาไว้”

 

สำหรับการเน้นย้ำบรรยากาศตึงเครียดในครอบครัว ฉากแอ็คชั่น ความกล้า และคราบเลือด โครนินได้ความช่วยเหลือจากผู้ประพันธ์ดนตรี สตีเฟน แมคคีออน ผู้เคยร่วมงานกับผู้สร้างภาพยนตร์ในเรื่อง “The Hole in the Ground” 

 

แม็คคีออนไม่ต่างกับผู้กำกับฯ ของเขาเออง เขายอมรับว่าตัวเองเป็นแฟนหนังสยองขวัญตัวยง เขาเล่าว่า “For ‘Evil Dead Rise’ ลีต้องการเพลงประกอบที่มีรายละเอียดเพื่อสร้างบรรยากาศนั้นให้ได้มากที่สุด ซึ่งการจะสร้างบรรยากาศนั้นขึ้นมาได้ ผมได้บันทึกข้อมูลหลายอย่างไว้ก่อนจะเริ่มทำการแต่งเพลง ลีชอบไอเดียของเสียงหัวเราะนอกจอ การชื่นชอบความเจ็บปวด และความสยองของตัวละครต่างๆ ผมเลยบันทึกเสียงของผู้หญิง 2 คนที่ทำเสียง 'หัวเราะเยาะเย้ย' และเสียงเอ็ฟเฟ็กต์ต่างๆ” 

 

โครนินเล่าถึงนักแต่งเพลงว่าได้สร้างผลงานที่สร้างความหลอนออกมาจากภายใน ขณะเดียวกันก็ฝากความรู้สึกของครอบครัวที่ต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดไว้ด้วย เขาขอให้แม็คคีออนแต่ง “เพลงที่เป็นเอกลักษณ์” ขึ้นมาใหม่ด้วย ความคิดแรกคืออิงจากตัวละครของเบธที่เธอทำงานด้านกีตาร์ 

 

แม็คคีออนเล่าว่า “ผมเลยเริ่มสร้างเสียงดนตรีและใส่รายละเอียดของกีตาร์ลงไป เสียงสายกีตาร์ที่ถูกดึงและขาด สายที่ถูกตัดด้วยมีดและกรรไกร รวมถึงอีกหลายเอ็ฟเฟ็กต์แปลกๆ หลายเสียงที่นำมาใช้ช่วยสร้างรายละเอียดในบรรยากาศ แต่สุดท้ายสำหรับเสียงเอกลักษณ์ เราเกิดไอเดียที่เรียกว่า 'เครื่องบดเนื้อ' ผมใช้เลาราวอาทิตย์หนึ่งเพื่อสร้างหลายเสียงและใช้หลายเทคนิค แต่สุดท้ายแล้วเสียงที่เหมาะสมคือเสียงที่ผมกรีดมีดไปพร้อมกับเสียงเปียโน และเสียงสับ ลากเสียงให้เหมือนเสียงเครื่องบดเนื้อปีศาจ”

 

 

นักแต่งเพลงยังเลือกใช้วิธีแหวกแนวตอนที่แต่งเพลงสำหรับออเคสตร้าและคอรัสผู้หญิง เพื่อสร้างเสียงดนตรีหลักในเพลงประกอบภาพยนตร์ “พวกเขามาช่วยสร้างเทคนิคที่แหวกแนวเพื่อให้ได้เอ็ฟเฟ็กต์ที่เข้าถึงบรรยากาศในเรื่องมากที่สุด ส่วนใหญ่จะเป็นเสียงดนตรีที่ไม่ใช่โน้ตมาตรฐาน แต่เป็นการเล่นดนตรีตามช่วงเวลา มันทำให้รู้สึกถึงการสุ่มและความยุ่งเหยิงในเสียงดนตรี…  มันต้องอาศัยนักดนตรีที่ตอบโจทย์เรื่องอารมณ์ได้ วิธีเดียวนี้ต้องใช้นักดนตรีเครื่องสาย 50 กว่าคนและอ่านโน้ตง่ายๆ  ที่ ‘สร้างความวุ่นวาย 15 วินาที’”

 

สำหรับการเพิ่มเอ็ฟเฟ็กต์นี้ให้มากขึ้นไปอีก แม็คคีออนยังใช้เครื่องดนตรีสายและเครื่องดนตรีเคาะอีกหลายชนิด “ต้องถ่ายทอดความเจ็บปวด การแตกหัก และการแยกฉีกขาดเป็นส่วนออกมา มีการบันทึกเสียงสับ เสียงงอ เสียงยืด เสียงร้องกรี๊ดขอความเมตตาลงไปในเพลงประกอบ” 

 

ร็อบ ทาเพิร์ทกล่าวย้ำว่า “ทีมนักแสดงสร้างความน่าทึ่งได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ลีเขียนบทที่ต้องอาศัยนักแสดงมีความสามารถเฉพาะตัว และปล่อยให้พวกเขาแสดงพลังออกมาในหลายมิติ ตั้งแต่ควาสยองไปจนถึงความตลก ความรู้สึกต่างๆ เกี่ยวกับความเครียดในครอบครัว ผมคิดว่านี่คือขอบเขตของ ‘Evil Dead’ มันมีความเป็น ‘Evil Dead’ อยู่ในโลกนั้น และผมคิดว่าทุกคนจะสนุกกับแฟรนไชส์นี้ อันที่จริงหนังมีเสียงตอบรับจากผู้ชมอย่างชัดเจนตอนทำการศึกษาข้อมูลการฉาย ซึ่งจะไม่มีการฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วโลก เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แฟนๆ ด้วยความน่ากลัวสุดขีด เลือดสาดกระจาย และความตื่นเต้นนองเลือดสุดจินตนาการ นี่คือหนังที่เหมาะจะดูในโรงภาพยนตร์มืดๆ เพื่ออรรถรสความตื่นเต้นสุดชีวิต”

 

 

แซม ไรมี่เล่าว่า “ลีเก็บทุกรายละเอียดที่เคยมีได้ เข้ารวบรวมทุกสิ่ง ให้ความสนใจ และเล่นกับมันในแบบของเขา เขาตัดส่วนที่แย่ออกไป พัฒนาต่อยอดส่วนที่ดีและนำตัวละครที่เราใส่ใจมาอยู่ศูนย์กลาง นี่คือความเป็นเอกลักษณ์ของโลก ‘Evil Dead’ วิญญาณที่เข้าสิงใช้ชีวิตไปตามอารมณ์ของตัวเอง นับเป็นพื้นที่สร้างผลงานที่สนุกสำหรับผู้สร้างภาพยนตร์และนักแสดง การร่วมงานกับลีนับเป็นประสบการณ์ที่วิเศษมาก คุณอาจคิดว่าผู้สร้างหนังสยองขวัญเหล่านี้จะต้องเป็นคนไม่ดีหรือผิดปกติ แต่ไม่ใช่เลยพวกเขาเป็นคนตลกที่อยากสร้างความตื่นเต้นให้ผู้ชม การร่วมงานกับลีนับเป็นเรื่องสนุกครับ”

 

แต่ไม่ว่าในเรื่อง “Evil Dead Rise” จะใช้สีแดงแบบใดก็ตาม ลี โครนินก็ย้อนกลับไปหาความดั้งเดิมได้อย่างรวดเร็ว เขากล่าวปิดท้ายว่า “ผู้ชมจะรักความสยองขวัญ เพราะสิ่งแรกและเป็นสิ่งสำคัญสุด เวลาที่เราสร้างหนังสยองสักเรื่อง เราอยากให้มีความน่ากลัวและสนุก ผมคิดว่าผู้ชมจะสนุกกับภาพที่เห็นและความกระสับกระส่ายที่เกิดขึ้นตอนดูหนัง พร้อมกับการรับประสบการณ์ใหม่ นี่คือความเป็น ‘Evil Dead’ แต่มันคือภาคปัจจุบัน และหวังว่าจะเป็นการเข้าสู่โลก ‘Evil Dead’ ที่ดีขึ้นกว่าที่เราเคยรู้จัก ผมคิดว่าความสยองที่ดีที่สุดคือเมื่อเราดูแล้วมันตามเรากลับบ้านได้ เวลาที่เราปิดไฟทำให้รู้สึกว่าเป็นบ้านที่ชวนหลอน” 

 

 สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่ 

ผีอมตะผงาด

  • 20 April 2023
  • Adventure / แฟนตาซี / สยองขวัญ / ระทึกขวัญ /
  • 97 นาที
15+

ข่าวที่เกี่ยวข้อง