HIGHLIGHT CONTENT

ระวังสปอยล์! อธิบายมัลติเวิร์สสุดท้ายในตอนจบของ The Flash

  • 1,823
  • 19 มิ.ย. 2023

ระวังสปอยล์! อธิบายมัลติเวิร์สสุดท้ายในตอนจบของ The Flash

 

 

บทความนี้มีการเปิดเผยเรื่องราวของภาพยนตร์ The Flash หรือ เดอะ แฟลช

 

ถ้าหากคิดว่า Spider-Man: Across the Spider-Verse หรือ สไปเดอร์-แมน: ผงาดข้ามจักรวาลแมงมุม มีฉากที่ยกมาจากหนังสือการ์ตูนเยอะแล้วล่ะก็ อาจจะต้องคิดใหม่หากได้เห็นฉากจบของ The Flash หรือ เดอะ แฟลช ภาพยนตร์ไลฟ์แอคชั่นที่รอคอยกันมาอย่างยาวนาน ที่จะเป็นการฉายเดี่ยวครั้งแรกของ แบร์รี่ อัลเลน ของ เอซร่า มิลเลอร์ เรื่องนี้ จะมีความยาวมากกว่าสองชั่วโมงครึ่ง และถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นการดัดแปลงเรื่องราวแฟลชพอยต์จากหนังสือการ์ตูนมาสู่จอภาพยนตร์ โดยเฉพาะการเปิดตัวหลากหลายตัวละครที่แฟน ๆ หลายคนรอคอย ทั้งการคืนชีพของ นายพลซอด ของ ไมเคิล แชนนอน, การกลับมาของ ไมเคิล คีตัน ในบทบาทของ แบทแมน และการเปิดตัวของ ซาช่า แคลล์ ในบทบาท ซูเปอร์เกิร์ล ที่จะมารวมตัวกันในการผจญภัยข้ามเวลาสุดยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ตัวละครเหล่านี้เป็นเพียงแค่ตัวละครที่เรารู้ว่าจะปรากฏตัวแน่ ๆ ก่อนที่ภาพยนตร์จะเข้าฉายเท่านั้น

และเมื่อภาพยนตร์เข้าฉายจริง ๆ เราก็ได้รู้ว่าตัวละครของ แชนนอน, คีตัน และ แคลล์ เป็นแค่ยอดของภูเขานํ้าแข็งเท่านั้น เพราะว่ายังมีตัวละครรอเซอร์ไพรซ์ในเรื่องอีกมากมาย รวมไปถึงฉากจบที่ใครก็คาดไม่ถึง

หลังจากที่ แบร์รี่ อัลเลน ทั้งสองเวอร์ชั่นได้พลังคืนกลับมา, บรูซ เวย์น ค้นพบเป้าหมายใหม่ และ คาร่า ซอร์-เอล กลับมามีศรัทธาในมนุษย์ชาติอีกครั้ง ทั้งสี่จึงเดินทางไปต่อสู้กับ นายพลซอด และเหล่าชาวคริปโตเนี่ยนผู้กระหายสงคราม

ในช่วงแรก ๆ เหมือนกับว่าเหล่าฮีโร่จะมีโอกาสที่จะต่อกรกับ ซอด ได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างก็ผลิกผันไปเมื่อ แบทแมน และ ซูเปอร์เกิร์ล ถูกสังหารระหว่างการต่อสู้ แต่ว่า แฟลช ทั้งสองคนก็ได้ใช้สปีดฟอร์ซย้อนเวลากลับไปเพื่อแก้ไขความตายของเพื่อนของพวกเขา ถึงแม้จะทำสำเร็จ แต่ว่าก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะว่าทุกผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือชัยชนะของ ซอด และความตายของ แบทแมน และ ซูเปอร์แมน ทำให้ในตอนนี้ แบร์รี่ ที่มาจากเส้นเวลาหลักก็รู้แล้วว่า ชัยชนะของ ซอด เป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และยังแก้ไขไม่ได้อีกด้วย

ทำให้ แบร์รี่ อัลเลน จากเส้นเวลาหลักพยายามที่บอกกับกับอีกเวอร์ชั่นหนึ่งของเขาว่า พวกเขาไม่สามารถแก้ไขความเป็นจริงอันโหดร้ายได้ แต่ว่า แบร์รี่ อีกคนหนึ่งกลับไม่สนใจคำแนะนำของเขา และยังพยายามที่ย้อนเวลาจะกลับไปยังการต่อสู้อีกเรื่อย ๆ โดยในแต่ละครั้งเขาก็กลับมาพร้อมกับบาดแผลใหม่ตามร่างกาย และที่แย่กว่านั้นคือ ไม่ใช่เฉพาะการกระทำของ แบร์รี่ อีกคนหนึ่งจะสูญเปล่าเท่านั้น แต่มันยังผลกระทบต่อเส้นเวลาที่ แบร์รี่ ตัวหลักใช้ชีวิตอยู่ด้วย

การกระทำดังกล่าวทำให้หลากหลายเส้นเวลาจากพหุจักรวาลของดีซีเริ่มเข้ามาบรรจบกันในเส้นเวลาที่ แบร์รี่ เข้าไปยุ่งเกี่ยวอย่างช้า ๆ โดยจักรวาลแรกที่เห็นคือ จักรวาลสีขาวดำที่มาพร้อมกับการปรากฏตัวของ คลาร์ก เค้นท์ เวอร์ชั่นของ จอร์จ รีฟส์ จากซีรีส์ Adventures of Superman (1952-1958) หรือ แอดเวนเจอร์ อ๊อฟ ซูเปอร์แมน รวมไปถึงตัวแปรของ เดอะ แฟลช เวอร์ชั่นดั้งเดิมที่รับบทโดย เจย์ การ์ริค และยังมีจักรวาลที่มี คริสโตเฟอร์ รีฟส์ เป็น ซูเปอร์แมน และ เฮเลย สเลเตอร์ เป็น ซูเปอร์เกิร์ล ที่ทั้งสองกำลังมองดูการเกิดขึ้นของเหตุการณ์พหุจักวาล และสรุปจบความวุ่นวายดังกล่าวด้วยภาพยนตร์ Superman Lives ของผู้กำกับ ทิม เบอร์ตัน ที่ปรากฏตัวบนจอภาพยนตร์เป็นครั้งแรก พร้อมกับ นิโคลัส เคจ ในบทบาทของ ซูเปอร์แมน และถ้าหากตั้งใจฟังให้ดี ๆ ก็จะได้ยินเสียง อดัม เวสต์ จากจักรวาลของแบทแมนในยุค 1960s

ในขณะที่พหุจักรวาลกำลังล่มสลายลงมารอบ ๆ ตัวของพวกเขา แบร์รี่ อัลเลน ทั้งสองก็ได้พอกับสิ่งมีชีวิตจากสปีดฟอร์ซที่ติดตาม แบร์รี่ อัลเลน จากเส้นเวลาหลักมาโดยตลอด โดยสิ่งมีชีวิตตนนี้เหมือนกับจะเป็นการผสมผสานระหว่างเหล่าวายร้ายหลายคนจากหนังสือการ์ตูนของ เดอะแฟลช ทั้ง ซาร์วิทาร์ และ รีเวิร์สแฟลช แต่ทั้งสองก็พบว่าภายใต้หน้ากากของสัตว์ประหลาดตนนี้ กลับกลายเป็น แบร์รี่ จากเส้นเวลารองที่แก่ตัวลงไปมาก ในขณะที่ ดาร์กแฟลช อธิบายว่า แบร์รี่ จากเส้นเวลารองใช้เวลามากเกินไปในการพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์การรุกรานของ ซอด จนทำให้เขากลายมาเป็นสัตว์ประหลาด และเมื่อ ดาร์กแฟลช รู้ตัวว่า แบร์รี่ จากเส้นเวลาหลักจะไม่ช่วยเหลือเขา ดาร์กแฟลช จึงพยายามที่จะสังหาร แบร์รี่ แต่ก็จบด้วยการที่เขาสังหารตัวเองและ แบร์รี่ ในเส้นเวลารองไป เมื่อ แบร์รี่ จากเส้นเวลารองได้เอาตัวเองเข้าปกป้องตัวเองจากเส้นเวลาหลัก

และในที่สุด แบร์รี่ ก็เข้าใจว่าเขาควรจะทำให้ทุกสิ่งกลับมาเป็นไปตามอย่างที่มันเคยเป็น แบร์รี่ จึงบอกลาแม่ของเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะกลับมายังเส้นเวลาดั้งเดิมของตัวเขาเอง โดยเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างอย่างเกี่ยวกับกล้องวงจรปิดในร้านขายของชำเพื่อช่วยเหลือพ่อของเขา

ก่อนที่ชายผู้วิ่งเร็วที่สุดจะรีบเดินทางมายังศาล เพื่อที่จะรู้ว่า เฮนรี่ อัลเลน ได้พ้นโทษแล้ว หลังจากที่ถูกคุมขังมาอย่างยาวนานด้วยข้อหาฆาตกรรมภรรยาของตนเอง ทำให้ แบร์รี่ รู้สึกพอใจเป็นอย่างมากที่ได้แก้ไขประวัติศาสตร์ให้ถูกต้อง แถมสิ่งที่ดีไปกว่านั้น คือการที่เขาได้ออกเดทกับคนที่เขาแอบปลื้มมานานอย่าง ไอริส เวสต์ ซึ่งก็เป็นเหมือนตอนจบที่ยอดเยี่ยมสำหรับเขา ก่อนที่เขาจะได้รับการติดต่อมาจากเบอร์โทรของ บรูซ เวย์น 

ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ยินเสียงของ บรูซ เวย์น แบบเต็ม ๆ จากในโทรศัพท์มือถือ แต่ว่าก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่แปลกไป เพราะว่าเสียงของอัศวินรัตติกาลไม่ได้เหมือนเสียงของ เบน เอฟเฟล็ค แต่อย่างใด ก่อนที่ทุกคนในโรงภาพยนตร์จะต้องตกใจเมื่อ บรูซ เวย์น ที่ลงมาจากรถ จะกลายมาเป็น บรูซ เวย์น ของ จอร์จ คลูนีย์ โดยการปรากฏตัวในครั้งนี้ จะเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกนับตั้งแต่เขารับบทอัศวินรัตติกาลในภาพยนตร์ Batman & Robin (1997) หรือ แบทแมน & โรบิน ซึ่งก็เป็นการยืนยันให้เห็นกันแบบชัด ๆ แล้วว่า ความพยายามที่จะช่วยเหลือพ่อของ แบร์รี่ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาในจักรวาลดีซี ทำให้ คลูนีย์ กลับมามีบทบาทนำอีกครั้งในฐานะของ แบทแมน แต่คำถามที่ว่า คลูนีย์ จะกลับมาเป็นอัศวินรัตติกาลคนหลักหรือไม่ ก็ยังคงเป็นคำถามที่ต้องรอคำตอบต่อไปในอนาคต

The Flash หรือ เดอะ แฟลช The Flash เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ววันนี้

 

สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่ 

ขอบคุณข้อมูลจาก Collider

ข่าวที่เกี่ยวข้อง